Monday 15 September 2008

ตรุษจีนไชน่าทาวน์เยาวราช

ร้านอาหารอร่อยเพียบ ด้านล่าง.......
เทศกาลตรุษจีนไชน่าทาวน์เยาวราช 80 พรรษามหาราชัน

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 10 กุมภาพันธ์ 2550 08:35 น.


ปี พ.ศ. 2550 เป็นปี พ.ศ.ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา นับเป็นปีมหามงคลยิ่งสำหรับปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่และทรงงานหนักเพื่อพสกนิกรทุกคน...

ดังนั้นงานฉลองเทศกาลตรุษจีนเยาวราชปีนี้จึงจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมฉลองปีมงคลที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมพรรษาครบ 80 พรรษา ณ บริเวณเยาวราช หรือเขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ในชื่องานว่า “เทศกาลตรุษจีนไชน่าทาวน์เยาวราช 80 พรรษามหาราชัน” โดยมีรัฐบาลจีนร่วมส่งกิจกรรมเข้าร่วมงานฉลองเทศกาลตรุษจีนเยาวราชอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังเป็นการฉลองความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนที่มีประวัติมายาวนานจนกระทั่งกลายเป็นคู่แฝด “กรุงเทพฯ- กรุงปักกิ่ง” ด้วย

*************

ฮวงจุ้ยเยาวราช

เชื่อกันว่าส่วนหัวของมังกรก็อยู่บริเวณวงเวียนโอเดียนซึ่งจุดดังกล่าวเป็นจุดบรรจบของถนนเยาวราชและถนนเจริญกรุง นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังเป็นที่ตั้งของวัดไตรมิตรวิทยารามซึ่งเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อทองคำองค์ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งก็ต้องตามตำราหัวมังกร
ปี พ.ศ. 2542 ได้มีการจัดสร้างซุ้มประตูจีนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เชื่อกันว่าประตูแห่งนี้คือการสวมมงกุฎให้แก่มังกรทองเหมือนการเพิ่มพลังอำนาจให้แก่ทำเล
ถนนเยาวราชในช่วงกลาง คือท้องมังกร เป็นทำเลทองที่เหมาะกับกิจการอาหารการกิน และบริเวณแถบเวิ้งนาครเขษมก็เชื่อกันว่าคือส่วนของหางมังกรซึ่งต้องโบกพัดไปมาเพื่อให้มังกรทองตัวนี้ทะยานไปข้างหน้าได้

สายสัมพันธ์ไทย- จีน

- คนจีนเข้ามามีบทบาทตั้งแต่สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรีเรื่อยมา พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี

- พ.ศ. 2434 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างถนนเยาวราชขึ้น เริ่มต้นจากสี่แยกราชวงศ์ไปจนจรดถนนเจริญกรุง ทรงมีพระราชดำริว่าแนวถนนที่ตัดขึ้นใหม่นี้ต้องให้พาดผ่านบ้านเรือนของราษฎรให้น้อยที่สุด จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ถนนเยาวราชคดโค้งไปมาอย่างที่เห็นในวันนี้

- พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งตรัสกับคณะผู้บริหารโรงพยาบาลเทียนฮั้วอุ้ยอี้ (โรงพยาบาลมูลนิธิเทียนฟ้า) ในวโรกาสที่ทรงเสด็จพระราชดำเนินไปเปิดโรงพยาบาลดังกล่าว ซึ่งมีใจความตอนหนึ่งว่า “....พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ต่างทรงเห็นว่าชาวจีนทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในประเทศสยาม จะต้องนำมาพาความรุ่งเรืองมาสู่ประเทศสยาม ด้วยเหตุนี้ชาวจีนทั้งหลายจึงได้รับการคุ้มครองดูแลเหมือนกับชาวสยาม ข้าพเจ้าอยากให้ชาวจีนทั้งหลายและปวงประชาของข้าพเจ้ารักษาไมตรีจิตและมิตรภาพซึ่งกันและกันเอาไว้ และรวมน้ำใจเป็นหนึ่งเดียวกัน...”
-วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2489 ในหลวงรัชกาลที่ 8 และพระอนุชา (ในหลวงรัชกาลปัจจุบัน) เสด็จพระราชดำเนินสำเพ็ง บรรดาชาวจีนในสำเพ็งต่างปลาบปลื้มยินดี พระมหากรุณาธิคุณในการเสด็จฯ ประพาสสำเพ็งในล้านเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์ถือได้ว่าเป็นกาวใจที่วิเศษยิ่งในการสานสัมพันธ์ไทยจีนให้สนิทสนมแนบแน่น...

- พ.ศ. 2525 อันเป็นวาระเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบรอบ 200 ปี คณะกรรมการ “พระบรมโพธิสมภารร่มย็นเป็นสุข” ได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ เยือนสำเพ็งอย่างเป็นทางการ ซึ่งการเสด็จฯ ในครั้งนั้นพสกนิกรจีนไทยจีนที่มาชื่นชมพระบารมีอย่างเนืองแน่น

- เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2525 สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานในพิธีถวายราชสักการะสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า ณ เยาวราช

- วโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบแห่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พนะบรมราชินีนาถ ชาวไทยเชื้อสายจีนตางสำนึกในพระมหากรุราธิคุณเป็นล้นพ้น จึงได้ร่วมกันจัดงาน “เทิดไท้ 72 พรรษามหาราชินี” ขึ้นที่เยาวราช ในครั้งนั้นสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงพระกรุณาเสด็จฯ มาทรงเปิดงานด้วยพระองค์เอง และทรงร่วมฉลองตรุษจีนเยาวราชเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2547

- นอกจากนี้แล้ว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารีฯ เสด็จเยือนประเทศจีนอยู่เป็นประจำ สร้างความสัมพันธ์ให้ไทยและจีนใกล้ชิดกันยิ่งขึ้น

**************

“เที่ยวแล้วเฮง”



สำหรับเทศกาลตรุษจีนปีนี้ ใครที่ยังไม่มีโปรแกรมท่องเที่ยวที่ไหน Metro Life ขอแนะนำให้ “เที่ยวแล้วเฮง” ในงาน“เทศกาลตรุษจีนไชน่าทาวน์เยาวราช 80 พรรษามหาราชัน” ซึ่งปีนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรมแห่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดย สถานเอกอัครราชทูต สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย สำนักงานเขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร ประชาคมเขตสัมพันธวงศ์ และกลุ่มสมาคมชาวไทยเชื้อสายจีนทั่วประเทศ พร้อมใจจัดงานฉลองเทศกาลตรุษจีนขี้น ในวันอาทิตย์ที่ 18 - วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา 08.00 - 24.00 น. ตั้งแต่ถนนสายสัมพันธ์ไทย-จีน(ตรีมิตร) วัดไตรมิตรฯ ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ ฯ ถนนเยาวราช ถึง สี่แยกถนนราชวงศ์

ความสำคัญของกิจกรรมครั้งนี้และไฮไลต์ที่สำคัญ

- ปีนี้เป็นปีฉลอง 80 พรรษาในหลวง รัฐบาลจีนจะมอบสิงโตหยกซึ่งจำลองมาจากสิงโตหน้าพระราชวังที่กรุงปักกิ่ง ให้ 1 คู่ โดยจะทำพิธีมอบให้ในวันที่ 18 ก.พ

- พิธีเปิดงานตรุษจีนที่เยาวราช โดยในช่วงพิธีเปิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯจะเสด็จมาเป็นองค์ประธานในวันที่ 18 ก.พ. ตั้งแต่เวลา 17.00 น. และกิจกรรมที่ 3 เวลา 19.00 น. จะเป็นการจุดเทียนชัยถวายพระพร โดยมี อภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเป็นผู้นำ

พิธีเปิด

พิธีเปิดงานจะจัดในวันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2550 โดยรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม สาธารณรัฐประชาชนจีน (ณ เวทีเฉลิมพระเกียรติ ฯ) และในช่วงบ่ายมีพิธีส่งมอบสิงโต เวลาประมาณ 15.30 น. จากนั้นตั้งแต่เวลา 17.00-18.00 น. ขอเชิญประชาชนร่วมรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเป็นองค์ประธานในพิธี “ถวายพระพรเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา” ซึ่งงานตรุษจีนเยาวราช ถ่ายทอดสดโดยสถานีโทรทัศน์โมเดิร์น 9 อสมท.

จีนส่งชุดการแสดงจาก 8 มณฑลเข้าร่วม

ด้าน สมชาย ชมพูน้อย ผู้อำนวยการกองสร้างสรรค์กิจกรรม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้กล่าวว่า ไทยและจีนมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกันมาตั้งแต่อดีต ซึ่งรัฐบาลจีนก็ได้ให้ความสนใจเทศกาลตรุษจีนในประเทศไทยมาโดยตลอด และได้ส่งกิจกรรมเข้าร่วมในงานเทศกาลตรุษจีนที่เยาวราชปีนี้เป็นปีที่ 4 โดยครั้งนี้ได้ส่งการแสดง 8 ชุดจาก 8 มณฑลของจีนเข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย

สำหรับชุดการแสดงของจีนมีดังนี้



1.คณะนักแสดงกายกรรมจากเมืองจีหนาน มณฑลซานตง
ชมการแสดงห่วง การแสดงหมวกฟาง การแสดงไม้ไผ่ การแสดงมายากล การแสดงไห การแสดงตัวอ่อน การแสดงเหล็กเส้น และการแสดงเต้นจากเมืองซินเจียง

2.คณะนักแสดงระบำจากเมืองหางโจว มณฑลเจ๋อเจียง
ชมการแสดงชุดมงคล ชุดการแสดงจังหวะกลอง ชุดความสวยงามทางใต้ของแม่น้ำเจียงหนาน ชุดวันที่ยิ่งใหญ่

3.คณะนักแสดงหุ่นกระบอกจากเมืองฉีหง มณฑลเจียงซู แสดงหุ่นกระบอก
ชมการแสดงชุดนางฟ้าโปรยปรายดอกไม้ ชุดสะพานระบายสีแบบจีนที่อลังการ

4.คณะนักแสดงมายากลเปลี่ยนหน้ากากเฉินตู จากมณฑลเสฉวน
ชมการแสดงมายากลเปลี่ยนหน้ากากที่หาดูได้ยาก ซึ่งจะถ่ายทอดวิชาให้แก่ลูกหลานในตระกูลเท่านั้น

5.คณะนักแสดงกายกรรมมวยวัดเส้าหลิน มณฑลเซี่ยงไฮ้
ชมการแสดงชุดฟงหวิน ชุดจี้กงกำลังภายใน และชุดโอลิมปิกจีน

6.คณะนักแสดงประกอบดนตรี จาก มณฑลเฮยหลงเจียง
ชมการแสดงชุดสัมผัสความสุข ชุดเมฆหลากสี ชุดการแสดงเดี่ยวดนตรี ชุดคืนมหัศจรรย์ ชุดดอกไม้บานและพระจันทร์เต็มดวง และชุดชมจันทร์ส่องเงาทะเลสาบ

7.การแสดงจากรัฐอิสระมองโกเลียใน
ชมการแสดงชุดรำอวยพรดอกไม้บาน ชุดระบำยอดหญ้า ชุดระบำผ้าเช้ดหน้า ชุดระบำถ้วย และชุดระบำควบม้า

8.การแสดงงิ้วปักกิ่ง จากมณฑลปักกิ่ง
ชมการแสดงชุดถวายพระพรวันเกิด ชุดสามแพ่ง และชุดโจรแห่งคลังหลวง

ขอเชิญสักการะ 6 มงคลสถาน
ขอเชิญนักท่องเที่ยวสักการะ 6 มลคลสถาน (1 วัด 5 มงคลสถาน) ในบริเวณเยาวราช โดยผู้ที่จะเข้าร่วมกิจกรรมนี้ต้องใส่เสื้อสีแดง ซึ่งเป็นสีแห่งความเป็นสิริมงคล เท่านั้น ร่วมสักการะซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ มูลนิธิเทียนฟ้า ศาลเจ้าอาเนี้ยเก็ง (ฉื่อปุยเนี่ยเนี้ย) ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ ศาลเจ้าพ่อกวนอู (เบ๊เอี๊ยะ) และวัดไตรมิตรวิทยาราม



บรรยากาศในงาน
-นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นำเสนอถึงพระมหากรุณาธิคุณฯ ที่มีต่อคนจีนบนผืนแผ่นดินไทย

- บรรยากาศงานตกแต่งด้วยโคมไฟไทยและโคมไฟจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จัดขึ้นรอบซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ วงเวียนโอเดียน บรรยากาศเน้นสีทอง และสีแดง เพื่อความเป็นมหามงคล

- ในงานมีการจัดสร้างรูปปั้นนักษัตร ปีกุน หรือ ปีหมูทองขนาด 1.8 เมตร สูง 1 เมตร ลงรักปิดทองวางบนแท่นทรงดอกบัว 8 เหลี่ยม โดยฝีมืออดีตนักแสดง ยอดชาย เมฆสุวรรณ และในจุดเดียวกันนี้ได้จัดสถานที่ให้ประชาชนได้ร่วมลงนามถวายพระพร รวมทั้งขอเชิญร่วมสมทบทุนการจัดสร้าง “มหามณฑปทอง” ซึ่งจะก่อสร้างเป็นถาวรวัตถุ ณ วัดไตรมิตรฯ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550

- การจัดซุ้มจำหน่ายสินค้าจากร้านภูฟ้า
- สินค้าจากสภากาชาดไทย
- ซุ้มกิจกรรมเมืองคู่แฝด “กรุงเทพฯ-ปักกิ่ง”
- ถนนสายอาหาร ฯลฯ

***************

โปรแกรมท่องเที่ยวเทศกาลตรุษจีน



เทศกาลงานตรุษจีนนครสวรรค์
วันที่จัดงาน
วันอาทิตย์ที่ 11-วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ 2550
สถานที่จัดงาน
อุทยานสวรรค์
กิจกรรม
การแสดงวัฒนธรรมจีนชุดใหญ่ 8 มณฑล จากสาธารณรัฐประชาชนจีน กายกรรมจากเมืองปักกิ่ง การแสดงถนนวัฒนธรรมนำประเพณี ดนตรีและอาหารนานาชาติของ ทอด์ด ทองดี จากรายการคุณพระช่วย วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 ชมขบวนแห่กลางวัน และร่วมรับเสด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 ชมขบวนแห่กลางคืน
ติดต่อ สำนักงาน ททท.ภาคเหนือ เขต 4 (ตาก) โทร. 0 -5551- 4341-3

เทศกาลตรุษจีนเมืองพัทยา
วันจัดงาน
วันศุกร์ที่ 16- วันอาทิตย์ ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2550
สถานที่จัดงาน
บริเวณ ถนน วอล์คกิ้งสตรีท และท่าเทียบเรือท่องเที่ยว เมืองพัทยาใต้ (พัทยาใต้ )
กิจกรรม
ขบวนแห่ มังกร สิงโต เอ็งกอ โล้วโก้ว การแสดงบนเวที การประกวดตี๋เก่ง เมืองพัทยา การแข่งขันกินหมั่นโถว หมี่ซั่ว การแสดงพลุดอกไม้ไฟ กิจกรรมการแสดงวัฒนธรรม จาก 8 มณฑล จากสาธารณรัฐประชาชนจีน (16 ก.พ.50)
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำนักงาน ททท. ภาคกลาง เขต 3 (พัทยา ) โทร.0 -3842 -7667

เทศกาลตรุษจีน (อ่างศิลา)
วันจัดงาน วันอาทิตย์ 18-วันเสาร์ที่ 24 กพ. 2550
สถานที่จัดงาน วิหารเทพสถิตพระกิติเฉลิม ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ ตำบลอ่างศิลา
กิจกรรม พิธีสวดมนต์ดาวเทพสัตเคราะห์สูตร พิธีถวายพุทธบูชา พิธีสวดขอขมา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สำนักงาน ททท. ภาคกลางเขต 3 (พัทยา) 0 -3842 -7667

เทศกาลตรุษจีนโคราช
วันจัดงาน
วันเสาร์ที่ 17-วันอาทิตย์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2550
สถานที่จัดงาน
สวนเมืองทอง(ข้างอนุสาวรีย์ย่าโม) อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
กิจกรรม
สักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ร่วมติดเกล็ดมังกรมงคล ตรวจดวงชะตาจีน ขนมเข่งยักษ์ ซาลาเปายักษ์ การแสดงศิลปวัฒนธรรมจีน การแสดงแฟชั่นโชว์ชุดแดง การจัดนิทรรศการ มหกรรมอาหารจีน การแสดงคอนเสิร์ต

สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำนักการศึกษา เทศบาลนคร นครราชสีมา โทรศัพท์ 0-4424- 2007-9 ต่อ 1563 ททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 1 (นครราชสีมา) โทร. 0 -4421 -3666

เทศกาลตรุษจีนหาดใหญ่
วันจัดงาน
วันอาทิตย์ที่ 18-วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550
สถานที่จัดงาน
โรงเรียนศรีนครหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา
กิจกรรม
การประดับตกแต่งเมือง การจัดนิทรรศการ การแสดงวัฒนธรรมจีน การประกวดหนูน้อย Chinese Dolls 2007 การประกวด Miss Chinese New Year 2007 การแสดงคอนเสิร์ต การแสดงวัฒนธรรมจากจีน 4 มณฑล จากสาธารณรัฐประชาชนจีน
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สมาคมสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา โทรศัพท์ 0 7443 9490-6 สำนักงาน ททท.ภาคใต้ เขต 1 (หาดใหญ่) โทร. 0 7424 3747



เทศกาลไชน่าทาวน์เมืองเชียงใหม่
วันที่จัดงาน
วันอาทิตย์ที่ 18-วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2550
สถานที่จัดงาน
บริเวณถนนช่วงเมรุตลอดทั้งสาย(ย่านตรอกเล่าโจว) อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
กิจกรรม
การแสดงศิลปวัฒนธรรมจีน การสาธิต การออกร้านสินค้า ร้านอาหาร การแสดงดนตรีจีน การประกวด Kiddy ตี๋-หมวย และตี๋-หมวยสวยเก่ง การจัดนิทรรศการ
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำนักงาน ททท. ภาคเหนือ เขต 1 (เชียงใหม่) โทร. 0 -5324 -8604, 0 -5324- 8607 สำนักปลัดเทศบาลงานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว โทร. 0- 5325 -2557

เทศกาลตรุษจีนภูเก็ต
วันที่จัดงาน
วันอังคารที่ 20-วันพุธที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550
สถานที่จัดงาน
สวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษามหาราชินี ถนนกลาง อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
กิจกรรม
ไหว้พระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ 9 แห่ง ไหว้องค์จ่ายสินเอี่ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) การแสดงทางวัฒนธรรมจากสาธารณรัฐประชาชนจีน 4 มณฑล อาทิ การแสดงระบำจากเมืองหังโจง มณฑลเจ๋อเจียง การแสดงงิ้วจากมณฑลปักกิ่ง การแสดงดนตรีท้องถิ่น การแสดงแฟชั่นโชว์
สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม สำนักงาน ททท.ภาคใต้เขต 4 โทร. 0 -7621 -2213, 0 -7621- 1036

***********

เกร็ดความรู้เรื่องหมู
เรื่องทั่วไป

หมูเลี้ยงในปัจจุบันพัฒนาพันธุ์จากหมูธรรมชาติ ตามธรรมชาติแล้วต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะมีน้ำหนักมาก แต่ปัจจุบันการพัฒนาพันธุ์ใช้เวลาในการเลี้ยงแค่ครึ่งปีเท่านั้นก็ได้น้ำหนักถึง 100 กิโลกรัม เทียบสัดส่วนการสร้างน้ำหนักของวัวกับหมู 1 กิโลกรัม วัวต้องกินอาหารแห้งถึง 7 กิโลกรัม ส่วนหมูกินแต่ 3 กิโลกรัมเท่านั้นเอง แถมยังกินอาหารได้สารพัดอย่าง

ส่วนของเนื้อหมูนอกจากโปรตีนแล้ว ยังมีแร่ธาตุฟอสฟอรัส, โพแทสเซียม, เหล็ก,สังกะสี, แมงกานีสและแมกนีเซียม ส่วนของเนื้อสันมีวิตามินบี 1 มาก ตับหมูมีวิตามินบี 12 และวิตามินเอมาก เนื้อหมูทุก 100 กรัม มีโปรตีนร้อยละ 16.9 ไขมัน 29.2 มันหมูคุณภาพคือ มันเปลวและไขมันที่สันหลัง

ทุกอวัยวะของหมูล้วนแต่มีประโยชน์และสรรพคุณที่คุณนึกไม่ถึง

ปีกุนในตำราพรหมชาติ

หมู เป็นสัตว์ตัวสุดท้ายของปีนักษัตร ชะตาคนเกิดปีนี้ตามตำราจีนว่า เป็นคนสุภาพน่ารัก พูดช้า มีเชาวน์ รักการอ่าน ใจดี คนปีกุนสมพงศ์กับคนปีเถาะ แต่ไม่ต้องโฉลกกับคนปีมะเส็ง ส่วนตำราญี่ปุ่นว่า เป็นคนหุนหันพลันแล่น

ในตำราพรหมชาติฉบับหลวงว่า คนเกิดปีกุน ธาตุน้ำ มิ่งขวัญอยู่ที่ดอกบัวหลวง และต้นบัวบก พูดจาหลักแหลม รู้หลักปราชญ์แต่ไม่สู้มีคนเชื่อถือ ต้องทำงานหนัก เหนื่อยยากใจร้อน เป็นคนเจ้าโทสะ โกรธง่าย หายเร็ว ไม่ผูกอาฆาต จำแนกคนเกิดปีกุนออกเป็น 4 ประเภทคือ

หมูเทวดาเลี้ยง คนเกิดปีกุน เดือน 5 – 6 – 7 / ธาตุน้ำสร้าง มีปัญญาและใจบุญ ทำมาหากินต่างเมืองถึงจะดี มีเงินทองมาก แต่ทำราชการไม่ดี เป็นชาวเกษตร ทำการค้าแค่พอกินเท่านั้นเอง

หมูคนเลี้ยงในเล้า คนเกิดปีกุน เดือน 8 – 9 -10 /ธาตุน้ำอาศัย เป็นคนใจบุญ ซื่อตรงและปัญญาดี มีญาติมาก แต่พึ่งพาไม่ได้ ต้องพึ่งตนเองเป็นหลัก ทำราชการไม่สู้ดี แต่ทำเรือกสวนไร่นาดี

หมูขี้เรื้อน คนเกิดปีกุน เดือน 11 – 12 – 1 / ธาตุน้ำป่า เป็นคนใจบุญ เจรจาซื่อสัตย์ แต่เข็ญใจ ทำราชการพอไหว แต่ยังไม่สู้ดี ยึดทางการเกษตรแค่พอมีอันจะกิน

หมูป่าคาบแก้ว คนเกิดปีกุน เดือน 2 – 3 – 4 / ธาตุน้ำคลองดีที่สุดในบรรดาหมทั้งหลาย ถือเป็นนางพญาหมู ทำราชการหรือการเกษตรและการค้าล้วนแต่ได้ผลดีทั้งสิ้น

พาหมูขึ้นแท่นบูชา
อนุสาวรีย์หมู

ในวโรกาสที่สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระชนมมายุครบ 50 พรรษา เมื่อปี 2456 บรรดาข้าราชการที่เกิดในปีเดียวกับพระองค์ คิดหาของถวาย แต่มีพระราชเสาวนีย์ว่า ไม่ทรงรับของถวาย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 3 ท่านคือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ พระยาพิพัฒโกษ (เศเลสติโน ซาเวียร์) และพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) ร่วมกันคิดสร้างสิ่งของที่ไม่ฝ่าฝืนพระราชเสาวนีย์ ในที่สุดก็ตกลงใจสร้างอนุสาวรีย์หมูไว้ริมถนนราชินีและริมคลองคูเมือง (คลองหลอด) เยื้องวัดราชประดิษฐ์สถิตย์ มหาสีมาราม และทำก๊อกน้ำประปาไว้ข้างๆเพื่อถวาย ต่อมาก๊อกน้ำถูกรื้อทิ้ง เหลือเพียงอนุสาวรีย์ ปัจจุบันคนเกิดปีกุนมักจะมาไหว้หมูตัวนี้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเสมอ

เหรียญหมู
เหรียญนี้ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯสร้างเป็นที่ระลึกในงานพระราชพิธีเฉลิมพระชนมายุ 50 พรรษา สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อปี 2456 เนื่องจากพระราชชนนีพระพันปีหลวงพระราชสมภพในปีกุน เหรียญชุดนี้มีทั้งหมูตัวผู้กับตัวเมีย ด้านหลังจารึกว่า “ขอเชิญท่านจงจำ รูปหมูนี้คือ เสาวภา ซึ่งเกิดมาเป็นเพื่อนร่วมชาติภพ อันมีใจหวังดีต่อท่านเสมอ”

วราหาวตาร
คัมภีร์ “นารายณ์สิบปาง” อันเกี่ยวข้องกับพระนารายณ์อวตารลงมาปราบยุคเข็ญ โลกยุคที่ 1 นั้น ทรงอวตารเป็นหมูป่า เรียก “วราหาวตาร” เพื่อปราบยักษ์ผู้มีนามว่า “หิรัณยักษะ” ผู้ได้พรจากพระศิวะ มีใจฮึกเหิมกระทำการม้วนแผ่นดินโลกทั้งหมด แล้วหนีบใต้รักแร้ หนีลงไปอยู่ในบาดาล ร้อนถึงพระวิษณุต้องอวตารลงมาเป็นหมูป่าเขี้ยวเพชร (วราห์) หลังปราบยักษ์ตนนี้แล้ว พระวราห์ได้ใช้เขี้ยวเพชรนั้นงัดเอาแผ่นดินขึ้นมาไว้บนผืนน้ำตามเดิม

ตือโป้ยก่าย – ไซอิ๋ว
ไซอิ๋ว หรือ Journey to the West เป็นนิยายคลาสสิก แต่งขึ้นในราชวงศ์หมิง ไม่ทราบชื่อคนแต่งแน่นอน บ้างว่า อู๋เฉิงเอิน บ้างว่า ท่านโห้ว เซ่งอึง เรื่องราวการเดินทางไปอัญเชิญพระไตรปิฎกของพระภิกษุเหี้ยนจัง ที่ดัดแปลงเป็นพระถังซัมจั๋ง เพื่อนร่วมทาง มีชาติกำเนิดเป็นสัตว์ 3 ชนิดคือ ลิง (เห้งเจีย),หมู (ตือโป้ยก่าย),ปลา (ซัวเจ๋ง) ตัวละครที่ชื่อ “ตือโป้ยก่าย” แต่เดิมเป็นเทพบุตรอยู่บนสวรรค์มียศเป็นถึงผู้บัญชาการทหารเรือในแม่น้ำทงทีฮ้อ แต่ได้กระทำทุศีลจึงถูกสวรรค์ลงโทษให้จุติในท้องแม่สุกร และถูกสาปให้เป็นปีศาจอยู่ในภูเขาฮกลิ่นซัว ถ้ำหุ้นจางต๋อง เป็นตัวละครที่คนไทยรู้จักกันดี ไซอิ๋วได้รับความนิยมจากหมู่เยาวชนมากที่สุด และเป็น 1 ใน 4 สุดยอดวรรณกรรมจีนคือ สามก๊ก, ความฝันในหอแดง และซ้องกั๋ง ภาคไทยถูกแปลขึ้นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 และว่ากันว่า การ์ตูนญี่ปุ่น ชุด “ดราก้อนบอล” ของ โทริยาม่า อากิรา เป็นหนึ่งในงานที่ได้รับอิทธิพลจากไซอิ๋ว โดยเนื้อเรื่องของดราก้อนบอลเกี่ยวกับการผจญภัยของซุน โกคู ในการตามหาลูกดราก้อนบอล เพื่อขอพรหนึ่งข้อจากเทพเจ้ามังกร โดยระหว่างการเดินทางโกคูต้องพบกับเพื่อนฝูงและอุปสรรคต่างๆ

ปัจจุบัน ร้านขายอาหารบางร้านนิยมตั้ง ตือโป้ยก่าย ไว้เป็นสัญลักษณ์เรียกและเชิญชวนลูกค้าเข้ามารับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยในร้านค้า

**************

กิน-ชอปเส้นเยาวราช
จากหัวมังกรถึงหางมังกร

มาเที่ยวงานตรุษจีนเยาวราชทั้งที Metro Life ขอแนะนำแหล่งกินและแหล่งชอปที่น่าสนใจ บนถนนเยาวราช ดังนี้ ค่ะ

เมนูอร่อย – ริมฟุตบาท



“แคนตัน เฮ้าท์”
ร้านมองจากภายนอกดูโอ่โถง ตกแต่งตั้งใจให้มีกลิ่นอายสไตล์โมเดิร์น มีที่นั่งหลากหลายมุมรองรับได้กว่า 50 คน ขนมจีบที่นี่มีให้เลือกชิมหลากหลาย ซึ่งเห็นหรูหราๆ อย่างนี้เจ้าของร้านคุยว่าราคาขนมจีบของแคนตันเฮ้าท์ถูกที่สุดและมีไส้ให้เลือกชิมมากที่สุดบนถนนเยาวราชเลยแหละคุณๆ เรียกได้ว่า มากินขนมจีบที่นี่บอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน!

ราคา ขนมจีบทุกไส้เข่งละ 15 บาท
เปิด-ปิด เวลา 11.00-21.45 น.
ที่ตั้ง ใกล้กับสี่แยกเฉลิมบุรี
โทร. 0-2221-3335

ร้านบัวลอยน้ำขิง ไชน่าทาวน์

เปิดขายมายาวนานตั้งแต่สมัยคุณแม่ยังสาว จนปัจจุบันรุ่นลูกเข้ามาบริหารกิจการเอง ตอนหัวค่ำจะมีโต๊ะตั้งให้ลูกค้านั่งเพียง 4-5 โต๊ะ แต่พอตกดึกจะเพิ่มอีกประมาณ 4 โต๊ะ ถือเป็นร้านที่มีของหวานถูกใจให้ลูกค้าได้เลือกชิมมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นบัวลอยน้ำขิงรสชาติกลมกล่อม และเต้าทึงที่เน้นเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นแป๊ะก๊วย รากบัว เกาลัด และพุทราจีน ซึ่งวัตถุดิบรับรองได้ว่าเกรดเอ

อาหารแนะนำ บัวลอยน้ำขิงราคา 30 บาท และเต้าทึงถ้วยละ 40 บาท
เปิด – ปิด เวลา 18.00 – 02.00 น.
ที่ตั้ง หน้าร้านทองโต๊ะกัง
โทร. 08-1752-1881 และ 08-6309-7663

ร้านอติยาติ (เจ้าเก่าเยาวราช)
เปิดตัวในย่านเยาวราชมานานกว่า 10 ปี เมนูแนะนำที่ว่าเด็ดจริงๆ ได้แก่ เปาะเปี๊ยะสดซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะชอบมาก และข้าวอบเผือก ที่วิธีการปรุงแต่งไม่เหมือนใคร เพราะไม่มัน แต่จะได้ความหอมนุ่มน่ารับประทาน ขาประจำชอบมานั่งกินแทบทุกคืนและส่วนใหญ่จะซื้อไปฝากคนในครอบครัวเป็นประจำด้วย

ราคาเปาะเปี๊ยะ 2 เส้น ราคา 25 บาท 3 เส้น 35 บาท ส่วนข้าวอบเผือก จานละ 30 บาท
เปิด – ปิด เวลา 12.00 – 02.00 น.
ที่ตั้ง ตรงข้ามไชน่าทาวน์สกาลา
โทร. 08-1684-3695

ร้านกระเพาะปลาหม้อดินเฮียไถ่

ด้วยรสชาติกระเพาะปลาที่อร่อยเหมือนนั่งกินกันในภัตตาคาร เพราะวัตถุดิบที่มีการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่กระเพาะปลา กระดูกสำหรับต้มน้ำซุปที่คัดกระดูกส่วนสันหลังของหมู เสิร์ฟร้อนๆ ในภาชนะหม้อดิน ภายในจะหนักทั้งเครื่องและเนื้อกระเพาะปลา ทำให้ร้านกระเพาะปลาหม้อดินเฮียไถ่มีลูกค้ามานั่งรับประทานกันแน่นเอี้ยดเกือบทุกวัน ส่วนมากจะชื่นชอบในรสชาติจนบอกต่อกันปากต่อปากถึงความอร่อย

ราคา กระเพาะปลาหม้อดิน หม้อละ 35 บาท
เปิด – ปิด เวลา 17.00 – 22.00 น.
ที่ตั้ง ป้ายรถเมล์ ตรงข้ามไชน่าทาวน์สกาลา
โทร. 0-2221-0939



ร้านหล่อฮั๊งก๊วย

เย็นชื่นใจ และไม่มีใครเหมือนในรสชาติของน้ำ “หล่อฮั๊งก๊วย” ความพิเศษของที่ร้าน “หล่อฮั๊งก๊วย” จะต้มใส่สมุนไพรจีนเข้าไป ซึ่งสรรพคุณของน้ำหล่อฮั๊งก๊วยจะแก้เจ็บคอ ขับเสมหะ และแก้ร้อนใน วันๆ หนึ่งเจ้าของร้านบอกว่าขายได้ประมาณ 200 ขวด ซึ่งของที่นี่จะมีโลโก้ร้านและที่อยู่ชัดเจน เชื่อได้ในความสะอาด และปลอดภัย

ราคา ขวดละ 25 บาท
เปิด – ปิด เวลา 18.00 – 02.00 น.
ที่ตั้ง ตรงข้ามร้านหูฉลามสกาลา
โทร. 08-9316-1800

เกาลักจีนลูกใหญ่เต็มคำ
แม้จะอายุอานามการเปิดร้าน 5 -6 ปีจะดูไม่มาก เพราะหากวัดกันที่คุณภาพและผู้ซื้อซื้อที่กำลังต่อแถวยาวยืดอยู่ทุกๆ วันเป็นดัชนีชีวัดความฮอต เกาลักร้านนี้ก็ไม่เป็น 2 รองใครในเยาวราชเลย “การเลือกเกาลักก็เหมือนเลือกซื้อทุเรียนเพียงแค่ต้องพิถีพิถันในการเลือกของขนาดมากกว่าเท่านั้น” เฮียธีรชัย เจ้าของร้านเกาลักบอก และว่า นอกจากมีวิธีเลือกเกาลัก ซึ่งนำเข้ามาจากประเทศจีนแล้วเฮียยังมีสูตรการวิธีคั่วที่ไม่สามารถบอกใครได้ แต่รับประกันแต่ความอร่อย

ราคา กก. 200 บาท
เวลา เปิด-ปิด 5ทุ่ม-ตี 1
ที่ตั้ง หน้าโรงแรมไวออร์คิด
สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 08-9458-9393



“ร้านขายขนมปัง ทาเนย ทาแยม”
ร้านนี้คนเยอะมาก ๆ แนะนำว่า ถ้าไปถึงแล้วควรจับจองพื้นที่กินที่นี่ร้อนๆ ดีกว่ากระเตงเอาไปกินบ้านแน่นอน
เปิด-ปิด 6โมง- 5ทุ่ม
โทร. 08-7598-0888
ที่ตั้ง อยู่บนฟุตปาธเยื้องๆ แบงก์กรุงศรีอยุธยา

ร้านข้าวแกง เจ๊กี
ร้านนี้ถือเป็นร้านเก่าแก่อย่างมาก แถมเจ้าของร้านยังบอกว่าออกรายการ ทีวี ลงหนังสือพิมพ์มามากต่อมากดังนั้นเป็นอันหายห่วงเรื่องของมาตราวัดความอร่อย นอกจากรสชาติของอาหารที่อร่อยถูกปากแล้ว ราคาก็ถือว่าไม่แพงมาก ผ่านหรือไม่ก็ควรแวะร้านนี้

ราคา เริ่มต้นที่ 25 บาทเท่านั้น
เปิด-ปิด บริการตั้งแต่ 4โมง – 2ทุ่มครับ
ที่ตั้ง ซ. เยาวราช 11

“ร้านมังกรขาว”
ร้านมังกรขาวเกิดขึ้นในช่วงเศรษฐกิจฟองสบู่แตก และลองผิดลองถูกมาเรื่อยๆ ถึงตอนนี้ก็เปิดมาได้ 7-8 ปีแล้ว โชคดีที่มีลูกค้าช่วยแนะนำติชมว่าอร่อยหรือไม่อร่อยอย่างไร จึงปรับปรุงคุณภาพอาหารมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันบะหมี่เกี๊ยวกุ้งหมูแดง – ปู และขนมจีบปูจึงเป็นที่นิยมของลูกค้าที่มาเยาวราชอย่างมาก ซึ่งจุดเด่นของร้านจะลวกบะหมี่ที่ละชามถ้าบะหมี่น้ำจะลวกให้กรอบ แต่ถ้าบะหมี่แห้งเส้นจะนิ่ม และหมูแดงจะย่างด้วยฟืน จึงทำให้หมูแดงรสชาติเหมือนหมูรมควัน และขนมจีบปูที่ไม่เหมือนที่อื่น เพราะใช้เนื้อปูมากกว่าเนื้อหมู
ราคา บะหมี่หมูแดง 40 บาท ใส่ปู 50 บาท และขนมจีบปู ชุดละ 40 บาท (5 ชิ้น)

เปิด – ปิด 19.00-24.00 น.
ที่ตั้ง ปากซอยเยาวพาณิช เลยธนาคาร UOB ประมาณ 100 เมตร ฝั่งซ้ายมือ
โทร. 08-1336-6068, 0-2682-2252

ร้านกะหรี่ไก่ นายโย่ง
เจ้าเก่าแก่ มากๆ ดูจากเจ้าของร้านซึ่งไล่ไปตั้งแต่รุ่นปู่ พ่อแม่ และรุ่นลูก รุ่นหลานที่ต่างเข้ามาบริหารกันแทบทุกรุ่น ทว่าวันเวลาผ่านไปปัจจุบันร้านกะหรี่ไก่นายโย่งก็มีอาหารเพิ่มมากมายอีกหลายเมนู แต่ส่วนใหญ่เป็นข้าวราดแกง ราคาก็สมเหตุสมผล

ราคา 30 บาทขึ้นไป
เปิด-ปิด 1ทุ่มถึง ตี 5
ที่ตั้ง เยื้องตลาดเก่าเยาวราช



Directory ร้านอร่อย

กวยจั๊บ นายเล็ก (อ้วน)
สนนราคากวยจั๊บชามละ 30 บาท
เวลาเปิด-ปิด 6โมง-เที่ยงคืน
โทร 0-2224-3450, 08-1661-6920
ที่ตั้ง หน้าตลาดเก่า ตรงข้ามกับร้านทองจินฮั๊วเฮง (สาขาใหญ่)

ขนมเบื้องเวิ้ง นาครเขษม (ที่อยู่เก่า - เยาวราช)
ราคาชิ้นละเพียง 10 บาท
เปิด-ปิด ตั้งแต่ 1 ทุ่ม- ตี 1 ครึ่ง
โทร.08-1629-3967
ที่ตั้ง เยื้องหน้าปากซอยตลาดเก่าเยาวราช (ร้านนี้รับจัดงานนอกสถานที่ด้วย)

ก๋วยเตี๋ยวหลอดเชียงไฮ้
เมนูแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวหลอดเชียงไฮ้ ไส้กุยช่าย ไส้เผือก ไส้กะหล่ำปลี ไส้มันแกว และไส้หน่อไม้
เวลาเปิด-ปิด 6โมง-เที่ยงคืน
ที่ตั้ง ตรงหน้าปากซอยตลาดเก่า
โทร. 08-1618-7266

ร้าน “โจ๊กหมูเจ๊ง้อ
ราคา “ร้านข้าวเกรียบปากหม้อ”ชิ้นละ 5 บาท โจ๊กหมูจานละ 25-30 บาท
เวลาเปิด-ปิด 6โมง - ตีหนึ่ง
ที่ตั้ง ซอยมังกร

ร้านลูกชิ้น (ไก่) “นะลูกชิ้น”
ราคา ไม้ละ 10 บาท
เวลาเปิด-ปิด 5โมง- เที่ยงคืน
ที่ตั้ง ซอยมังกร

ร้านนำซิง
เมนูแนะนำ หูฉลามน้ำแดง, น้ำใส และ ใส่ไข่ ราคา 300, 600, 1,000, 1,500 บาท
เปิด – ปิด 09.00 – 02.00 น.
โทร. 0-2222-6292, 0-2226-3628, 0-2225-0089
ที่ตั้ง ซอยเท็กซัส ถนนผดุงด้าว

ร้าน Hoon Kuang
อาหารแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวราดหน้า หมู 50 บาท ทะเล 90 บาท เปาะเปี๊ยะขลุ่ยปู 30 บาท/จาน
เปิด – ปิด 11.00 -21.00 น.
โทร. 0-2623-0640, 0-2221-5410
ที่ตั้ง เลยโรงแรมไวท์ออร์คิดประมาณ 100 เมตร (ไปทางวงเวียนโอเดียน) ร้านอยู่ทางซ้าย

ร้าน “หูฉลามบรั่นดี”
ราคา หูฉลามและบะหมี่ผัดฮ่องกง 100 – 200 บาท
เปิด – ปิด เวลา 18.30 – 02.00 น.
ที่ตั้ง หน้าร้านทองโซว เซ่ง เฮง
โทร. 08-1754-7040

คอหูฉลามก็ไม่ควรพลาด “เซี๊ย หูฉลาม”
เมนูแนะนำ หูฉลาม ราคา 300-500 บาท กระเพาะปลาน้ำแดง และหมี่ผัดสูตรฮ่องกง สนนราคาเท่ากันคือ จานละ 60 บาทเท่านั้น
เวลาเปิด-ปิด 1 ทุ่ม-ตี 1ครึ่ง (หยุดวันจันทร์)
สอบถามที่ได้ โทร.08-1837-0057
ที่ตั้ง ฝั่งเดียวกับเมืองทองโพลิคลินิก คลินิกแห่งเดียวในเยาวราช

“น้ำเชงเลี้ยงเจ๊ปุ๊”
ราคาแก้วละ 5บาท
เวลาเปิด-เปิด ตั้งแต่ 4 โมง- 3ทุ่ม
ที่ตั้ง ร้านอยู่ก่อนถึงตลาดเก่าเยาวราช

*************

ชอปโดนใจย่านเยาวราช

ร้านหมุยเง็ก



ร้านหมุยเง็กเป็นร้านที่จำหน่ายของมงคลจีน เช่น กังใส ตุ๊กตาจีนต่างๆ เช่น ลก ฮก ซิ่ว เจ้าแม่กวนอิม ฯลฯ นอกจากนี้ยังขายกาจีน และใบชา สินค้าสวยๆ ทั้งนั้น ซึ่ง มุ้ยแง้ก แซเอียว เจ้าของร้านบอกกว่าเหมาะซื้อไปเป็นของฝากในเทศกาลตรุษจีนเป็นที่สุด

“ ร้านเปิดมาได้ประมาณ 20 กว่าปีแล้ว สินค้าเราสั่งมาจากเมืองจีน ราคาก็ทั่วไป ขายไม่แพง บางคนก็ชอบซื้อสังกัจจายน์มีเด็ก เพราะความหมายดี หมายถึงมีลูกหลานมากมาย ร่ำรวย” มุ้ยแง้ก เล่า

ตุ๊กตาจีนที่ขายดีอีก เช่น ตาแป๊ะแบกท้อ ตาแป๊ะกับลูกหลาน 5 คน 6 คน 9 คน แล้วแต่ลูกค้าจะเลือกซื้อ ส่วนกาจีนร้านนี้ก็สวยเด็ดไม่แพ้ร้านไหน ที่ขายดีจะมีกาลูกจันและกายันต์เถาะ

“กายันต์เถาะจะขายดี เป็นกาที่มีรูปยันต์สมัยโบราณอยู่ด้านล่างของกา เป็นกาที่สมัยรัชกาลที่ 5 ใช้ คนจะนิยมกัน ลูกค้าจะชอบมาก ซื้อไว้เก็บสะสมก็มี” มุ้ยแง้ก บอกกับ Metro Life

ร้านหมุยเง็ก ตั้งอยู่เลขที่ 225 ถ.เยาวราช สัมพันธ์วงศ์ กรุงเทพฯ 10100 เปิดตั้งแต่ 9.00-20.00 น. สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2222-9638

ร้านใบชาจงหัว
ร้านใบชาจงหัว หรือในนามบริษัท หยู่หลงการท่องเที่ยวและพาณิชย์ จำกัด ขายใบชานานาชนิด ซึ่งดวงพร แซ่ตั้ง บอกว่าเปิดร้านมาได้ประมาณ 8 ปีแล้ว โดยนำเข้าใบชารสชาติดี คุณ

เนื้อวัวซุปเปอร์ยอดเยี่ยม ป้อมปราบศัตรูพ่าย

เนื้อวัวซุปเปอร์ยอดเยี่ยม ย่านวรจักร แยกโรงพยาบาลกลาง
ก็เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อที่เปิดบริการช่วง เย็น -
กลางคืน

ร้านนี้ก็มีจุดเด่นอยู่ที่ เนื้อเปื่อย
ทางร้านก็จะคัดเนื้อพื้นท้องหรือเนื้อสามชั้น
มาทำการตุ๋น ใช้เวลานาน
แต่ควบคุมคุณภาพได้อย่างยอดเยี่ยมคือ
เนื้อเปื่อยที่นิ่ม เปื่อย แต่ไม่ยุ่ย ยังเป็นชิ้นอยู่
บางร้านจะทำเนื้อเปื่อยโดยใช้ พวกเนื้อคุณภาพต่ำ
ตุ๋นอออกมาแล้วเนื้อจะเละ
โดยเฉพาะร้านที่ชอบหั่นเนื้อเปื่อยใส่กระทะอุ่นไว้
พวกที่มาืทานตอนใกล้จะหมดก็จะเจอแต่พวกเศษเนื้อเปื่อย

รวมฮิต ร้านอาหารอร่อย

ผัดไทยอารีย์
หลากเส้นเหนียวนุ่ม ชุ่มซอสข้นตำรับชาววัง

ผัดไทยอารีย์นี่แหละที่เป็นร้านสร้างชื่อให้กับซอยอารีย์ เคล็ดลับความอร่อยทำให้นักชิมถึงกับตะลึง ไม่ว่าจะเป็นกุ้งแม่น้ำตัวโตที่หาไม่ได้ตามร้านผัดไทยทั่วไปแล้ว ร้านนี้ยังมีเส้นผัดไทยหลากหลายชนิดแล้วแต่ความชอบของลูกค้า เช่น เส้นมะละกอสุก เกี้ยมอี๋ มักกะโรนี เส้นจันทน์ วุ้นเส้น ไวไว และผัดไทยข้าวสวย เรียกได้ว่าเอาใจคนชอบทานผัดไทย เสริ์ฟด่วนเพียงจานละไม่ถึง 5 นาที

ถ้ามาถึงที่แล้วไม่รู้จะสั่งอะไรก่อน เราขอแนะนำให้สั่งผัดไทยมะละกอเลย ที่นี่ใช้มะละกอสุกไม่เหมือนที่อื่น ซอสที่ใช้ก็ใช้นำมะขามไม่ใช่น้ำมะขามเปียก ผสมผสานกับน้ำตาลปี๊บ กุ้ง น้ำปลา น้ำตาล และ น้ำซุป อร่อยเด็ดไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน ที่สำคัญซอสสูตรเฉพาะนี้ผัดคลุกเคล้ากับผัดไทยแล้วจะทำให้เส้นผัดไทยกรอบ หอมขึ้นจมูกทุกคำที่เข้าปาก

สำหรับใครที่ชอบผัดไทยเหนียว ๆ นุ่มๆ ต้องเกี้ยมอี้ผัดไทย เมนูจานนี้เป็นผัดไทยคลุก ขลิก ออกแฉะเล็กน้อย นุ่มลิ้นตลอดเส้นจริงๆ

หรือใครสนใจรสชาติผัดไทยในเมล็ดข้าวสวยก็สามารถสั่งได้ในเมนูที่ชื่อว่า ผัดไทยข้าวสวย รสชาติเข้มจัดจ้านไม่แพ้บรรดาเส้นๆ เลย

และด้วยความอร่อยที่ต้องยกนิ้วให้แบบนี้ทำให้ทางร้านผัดไทยอารีย์ขยายสาขาไปจอดความอร่อยไว้ที่ เอราวัณ และเอ็มโพเรียมเรียบร้อยแล้ว เจ้าของร้านยืนยันว่า " ทั้งสองสาขาที่ว่านี้เพิ่มความใหญ่ยักษ์ของกุ้งเข้าไปอีกหลายเท่าตัว จะเป็นผัดไทยจานใหญ่มาก มีทั้งกุ้ง ก้ามปู ปลากะพง และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ในราคาเพียงจานละ 350 บาทเท่านั้น"

ราคาผัดไทยอารีย์เสริฟความอร่อยเริ่มต้นที่ 35 บาทไปจนถึง 95 บาท พร้อมมีบริการจัดส่งรวดเร็วทันใจโดยลูกค้าจ่ายค่าบริการโดยตรงที่วินมอเตอร์ไซค์ได้เลย

เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-22.00
ที่ตั้ง จากปากซอยพหลโยธิน7 ( ซอยอารีย์ ) เข้ามาประมาณ 100 เมตรทางด้านขวามือ
สอบถามรายละเอียดติดต่อ โทร. 02-2701654

**************

บะหมี่ปั้นแป้ง
อร่อยแกล้มบรรยากาศ



พี่เหมียว ธรรมรัตน์ เหลืองเจริญรัตน์ เจ้าของร้านปั้นแป้ง ร้านบะหมี่ชื่อดังแห่ง ซอยอารีย์ยิ้มบอกอย่างมั่นใจ

สำหรับประวัติก่อนจะมาเปิดร้านปั้นแป้ง พี่เหมียว บอกว่า ครอบครัวทำโรงงานทำและส่งบะหมี่มาก่อน ตอนหลังก็คุยกันว่าอยากก้าวไปเพื่อหาโอกาสในทางธุรกิจใหม่ๆ ที่สุดเราก็คิดเมนูแปลกๆ คิดมาใหม่ก็มี บะหมี่สาหร่าย บะหมี่ดำ เสร็จแล้วก็ถึงขั้นตอนในการหาลู่ทางในการจำหน่าย ก็เลยมาเปิดร้านนี้ขึ้นมา

"จริงๆ แล้วเมนูที่เราคิดแปลกๆ ใหม่ๆ พี่ผมอยากจะให้ทำบะหมี่ตามปีเกิด (หัวเราะ) เนื่องจากผมไปเรียนเรื่องฮวงจุ้ยมา ซึ่งภายหลังก็เลยเป็นที่มาของชื่อร้านว่า
ตั้งชื่อร้านว่า"ปั้นแป้ง" เพราะว่าแป้งเป็นอาหารหลักของชาวเอเชีย ดังนั้นอาหารหลักของร้านก็เป็นข้าวบะหมี่ พาสต้า (เป็นเส้นที่เอาสีมาจากปลาหมึกแต่ปริมาณที่ใส่ก็ไม่ได้เข้มข้นเหมือนกับสีของหมึกพาสต้า) นี่คือเมนูเด็ด เมนูขึ้นชื่อมาแล้วต้องสั่ง"

กินบะหมี่อร่อยๆ ก่อนแล้วจึงชิมบรรยากาศสวยๆ ตบท้าย
สำหรับสไตล์การตกแต่งร้าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ไม่ว่าแขกไปใครมากมักจะชมกันเปาะ โดยพี่เหมียวเรียกบรรยากาศแบบนี้ว่า การแตกต่างแบบตะวันออกร่วมสมัย

"จริงแล้วผมตั้งใจให้ธีมมันสีขาวๆ ชั้นหนึ่งจะดูสว่างเหมาะกับความเป็นกลางวัน ส่วนชั้น 2 คุณได้นั่งตรงโซฟาคุณก็จะรู้สึกได้ว่ามันเหมือนกลางคืน คือมันเป็นลูกเล่นของงานออกแบบ ที่ต้องการจะสื่อความเป็นตะวันออก แล้วส่วนห้องด้านในนี้ความตั้งใจจริงอยากให้เป็นห้องสมุดที่สามารถนั่งพักผ่อนได้ แล้วก็จะมีมุมหนังสือ เพราะร้านมีการขายเค้ก (สุขภาพ) คู่ไปด้วย จริงๆ แล้วผมกับพี่ชายเป็นสถาปนิก นอกจากขายอาหารอร่อยๆ แปลกๆ เรายังขายการออกแบบคู่ไปด้วยครับ (หัวเราะ)"

นอกจากนี้ ร้านปั้นแป้งยังมีบริการจัดส่งความอร่อยถึงบ้าน กฎส่งความอร่อยมีอยู่ว่า ถ้าระยะทางไม่เกิน 300 เมตร ส่งฟรี หรือว่าถ้าสั่งมากกว่า 300 บาทก็ไม่ต้องเสียค่าจัดส่ง อย่างไรก็ดีควรแจ้งทางร้านล่วงหน้าเพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเตรียมอาหารให้พร้อมก่อน

"เราพยายามทำให้ปั้นแป้งเป็นร้านที่นั่งได้สบายๆ และมีความหลากหลาย อย่างสาขาซอยอารีย์นี้ก็พยายามทำให้ของที่มีความต่าง บริการบรรยากาศดีๆ ร้านสวยๆ พูดง่ายๆ ปั้นแป้งคือการทำให้สิ่งที่ไม่น่าเข้ากันได้อยู่ด้วยกันได้อย่างกลมกลืนครับ" เขาสรุปคำจำกัดความของร้านปั้นแป้ง

เมนูเด็ดๆของที่นี่เช่น ทูน่าครีมซอสราคา 75 บาท หมูอบปั้นแป้งราคา 55 บาท ต้มยำราคา 55 บาท แกงกระหรี่ญี่ปุ่น ราคา 65 บาท แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายยอดมะพร้าวราคา 50 บาท ส่วนเมนูข้าวมีทั้งข้าวกล้อง และข้าวหอมมะลิ

ตบท้ายรายการอร่อยด้วยเมนูหวานๆ อย่าง โอรีโอชีส เชอรี่ ( ราคา 60 บาท) สตอเบอร์รี่ปั่น ( ราคา 40 บาท) น้ำผักรวม ( ราคา 40 บาท) เค้กแครอทครีมชีส ( ราคา 65 บาท)

เปิดวันจันทร์ ถึง เสาร์ เวลา 11.00 – 21.00 น. เฉพาะวันจันทร์และศุกร์ ปิดเวลา 22.00 น.
ที่ตั้ง 2/6 ซอยพหลโยธิน 7 จากปากซอยจากสถานีรถไฟฟ้าอารีย์ทางด้านขวามือประมาณ 100 เมตร
สอบถามรายละเอียดได้ติดต่อโทร. 02- 6197356

**************

ไชนิช เฮ้าส์
เลิศรส ถูกปาก เคล้าบรรยากาศเจ้าสัว


ส่วนมากร้านอาหารจีนชอบตกแต่งด้วยโทนสีแดงทองอร่ามตา แต่ร้านนี้กลับตกแต่งด้วยหลากสีสันฉูดฉาดบ่งบอกรสนิยมสมัยใหม่ในบรรยากาศจีนดั้งเดิมที่ดึงดูดตาล่อใจนักชิมไม่น้อย

ไชนิช เฮ้าส์ ห้องอาหารสไตล์โมเดิร์นไชนิช ที่ดูภายนอกอาจเหมือนไม่ใหญ่โตนัก แต่พอได้ก้าวเข้าไปแล้วถึงกับต้องตะลึงกับความกว้าง ใหญ่ ของร้าน ด้วยความสูงจากพื้นถึงเพดานราว 10 เมตร ทำให้ความรู้สึกแรกของการเยือนไชนิช เฮ้าส์ เหมือนกับเป็นเจ้าสัวเข้าวังจีนยังไงยังงั้น แถมตบแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์และของแต่งร้านหรูหราแลดูประณีตสวยงามเข้ากับบรรยากาศเพลงจีนภายในร้านซะเหลือเกิน

ถามถึงทำเลที่ตั้งของร้าน คุณพรเพ็ญ อังควานิช เล่าว่า "เราเลือกตั้งร้านที่ซอยอารีย์เพราะที่นี่เป็นชุมชน เป็นย่านธุรกิจที่กำลังเติบโต เหมาะกับการเปิดร้านอาหารจีน ส่วนเมนูอร่อยของเราเราทำเป็นอาหารจีนแต้จิ๋วประยุกต์เข้ากับลิ้นคนไทย คือไม่ใช่อาหารจีนจืดชืด แต่มีรสจัดขึ้น ไม่มันหรือเค็มจนเกินไป รสชาติกลมกล่อม และวัตถุดิบต้องสดจะเห็นได้ว่าหน้าร้านเรามีบ่อกุ้ง ปลาของเราเองด้วย"


คุณพรเพ็ญ แนะนำว่า สำหรับคู่รักที่มาพักผ่อนด้วยเมนูอร่อยของไชนิช เฮ้าส์ ที่ร้านเรามีที่นั่งเฉพาะที่ไม่ได้อยู่ในซอกหลืบแต่รับรองว่าไม่ถูกรบกวนด้วยสายตาคนอื่นๆ หากมาเป็นครอบครัวก็สามารถขึ้นชั้นบน เรามีห้องวีไอพี ปิดเปิดม่านได้แล้วแต่ความพอใจของลูกค้า และที่นี่ทุกอย่างเป็นการจัดแต่งตามตำราฮวงจุ้ยจีนหมด และพนักงานมียูนิฟอร์มจีน เน้นการบริการเป็นหลัก เชฟของที่นี่สามารถพูดภาษาจีนได้อย่างดี ฉะนั้นชาวจีนร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ไม่ต้องกังวลกับการสั่งอาหารเลย หรือ หากมีเพื่อนเป็นฝรั่งพามาร้านนี้พนักงานเสริ์ฟก็บริการคุณได้อย่างเหนือระดับที่สำคัญไม่มีชาจ์ต

สำหรับเมนูอร่อย ที่ไม่ควรพลาด เช่นปูนิ่มผัดพริกเกลือ ( 300 บาท) เป็ดปักกิ่ง ( 699 บาท ปรุงอาหาร 2 รายการ ) ปลาหิมะทอดราดซีอิ้ว ( 800 บาท) กระเพาะปลาทรงเครื่อง ( 500 บาท) หมี่ซั่วฮ่องเต้ ( 100 บาท ) เช้าๆ ไชนิชเฮ้าส์ยัง มีเมนูติ่มซำ ฮะเก๋า ขนมจีบกุ้ง ปู หมู หอย และอีกหลายเมนูระดับ 5 ดาวให้คุณได้เลือกอิ่มท้องอร่อยลิ้นได้ตลอดทั้งวัน

เปิดบริการทุกวัน เวลา 11.00-14.00 และ 17.00-22.00 น.
ที่ตั้ง 28 พหลโยธิน 5 ( ราชครู ) สามารถทะลุจากซอยอารีย์พหลโยธิน 7 ( อารีย์ ) ได้
สอบถามรายละเอียดติดต่อ โทร. 02-619-5174, 02-270-0217

***********

ร้านเสือลิลลี่
อร่อยทูอินวัน


แม้จะเป็นร้านน้องใหม่ในซอยอารีย์ ด้วยอายุอานามยังไม่สะเด็ด 3 เดือน แต่ทว่าคุณตั้มหนึ่งในเจ้าของร้านชื่อแตะหูสไตล์ทูอินวันอย่าง "เสือลิลลี่" การันตรีว่า
ร้านนี้เป็นความลงตัวที่แตกต่างกัน ระหว่าง ความเผ็ดร้อนของส้มตำกับความอ่อนนุ่มของกาแฟ จริงนะเอ้า…!

"หลายคนฟังแล้วงงกับชื่อ "เสือลิลลี่" คืออะไร ส่วนหนึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Tiger lily (ร้านอาหารไทยที่อังกฤษ) ที่ที่พวกเราเคยไปเรียนครับ"

แต่ถ้าถามถึงความหมายจริงๆ ของร้านเสือลิลลี่นั้น ตั้มอธิบายว่า "มันประกอบกันคร่าวๆ ของ 2 อย่างระหว่างความเข้มข้นของอาหารไทย ซึ่งผมก็ชอบกินเสื้อร้องไห้อยู่แล้วด้วย ทีนี้เราก็เปิดร้านกาแฟคู่ด้วยกัน ฝั่งนู่นคือความหวาน ส่วนฝั่งร้านส้มตำเป็นความเผ็ดร้อนดุดันแบบเสือ แล้วก็ความหวานจากร้านกาแฟที่เป็นตัวแทนของคำว่าลิลลี่จึงออกมาอย่างที่เห็นครับ"

เสือลิลลี่เป็นร้านที่เกิดจากกลุ่มนักเรียนอังกฤษที่เป็นรูมเมดกัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ได้ชักชวนมาเปิดร้านด้วยความคิดที่ว่าอยากให้เป็นที่รวมตัวของเพื่อนๆ กันทั้งหมด

"อย่างคุณยักษ์ (หุ้นส่วนคนหนึ่ง) ก็เป็นหนึ่งในคนตำส้มตำด้วย ซึ่งนอกจากเราค่อนข้างจะมั่นใจในคุณภาพความอร่อยของฝีมือเชฟหลักที่มีประสบการณ์กว่า 20 ปีแล้ว นอกจากนี้เรายังเติมเต็มเรื่องความสะอาดได้นั่งกินส้มตำสวยๆ ถูกอนามัยเหมาะกับทุกเพศ ทุกวัย ดังนั้นพวกเราก็พยายามตกแต่งร้านให้มันโปร่งโล่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้สีขาวที่ดูสะอาดเพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ สำหรับลูกค้าของเรา" ตั้มบอก

สำหรับรสชาติของส้มตำที่ร้านเสือลิลลี่ ตั้มการันตรีว่ารสชาติค่อนข้างจัด
"เราก็ปรับให้เข้ากับลิ้นคนไทยมากขึ้น ส่วนเมนูอื่นๆ ที่ขึ้นชื่อได้แก่ เนื้อหน้าเสือย่าง ตรงกลางเป็นมันเล็กๆ แทรกอร่อยมากใครมาอยากให้ลอง หรือจะเป็นไก่ทอดกระเทียมเจียว กินคู่กับข้าวเหนียวกะเทียมเจียว เป็นสูตรพื้นบ้าน หรือจะเป็นปากเป็ดทอด ลาบปลาดุก แล้วก็ปลาช่อนลุยสวน คอหมูย่างจิ้มกับน้ำจิ้มรสเด็ด ต้มแซบกระดูกอ่อน ลาบเป็ดเนื้อนุ่มๆ เป็นต้น สนนราคาก็เริ่มตั้งแต่ 40 บาทเท่านั้นครับ หรือหากคุณต้องการความเป็นส่วนตัวเราก็มีห้อง วีไอพี เอาไว้นั่งกินส้มตำแบบส่วนตัวด้วย จุได้ 15 คนครับ"

ส่วนเรื่องกิมมิกของร้านกาแฟที่ตกแต่งด้วยกระจก ซึ่งสามารถมองทะลุไปยังร้านส้มตำได้ ตั้มบอกว่า"มันเป็นความตั้งใจที่จะทำให้ทั้ง 2 ร้านดูอบอุ่น ให้ความรู้สึกเหมือนร้านเดียวกัน อีกอย่างพอเวลาฝนตกขึ้นมากระจกจะทำให้ดูโรแมนติกอีกด้วย

"จริงแล้วด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างเช่นค่าเช่า อะไรเนี่ยมันก็ถือว่าสมเหตุสมผลกันแล้ว ร้านส้มตำ อาหารก็ราคาไม่แพงเริ่มต้นแค่ 40 บาท หรือร้านกาแฟก็ไม่ได้แพงเพราะว่าราคาเริ่มต้นที่ 50 บาทเท่านั้นก็อยากให้ทุกคนลองแวะมาทานได้ อาหารอร่อยรสจัดกาแฟกับเค้กรสนุ่ม ร้านบรรยากาศดีนั่งสบายจัดเป็นร้านเงียบๆ ก็ได้ และก็สนุกได้ในเวลาเดียวกันครับ" เขาสรุป

เปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00.- 14.30 น.และ 17.30-22.30 น.
ที่ตั้ง ซอยพหลโยธิน 7 ( ซอยอารีย์ ) ทางไปกรมสรรพากร
สอบถามรายละเอียดติดต่อโทร. 08-3900-0007

*************

ครัวแสนยอด
อร่อยแสนกล ราคาคนกันเอง


ครัวแสนยอด หรือที่ คนย่านนี้ สาวออฟฟิศ และ พนักงานกระทรวงฯ กรมประชาสัมพันธ์ฯ เรียกกันคุ้นปากว่า " ร้านพี่กล "

พี่วิกล กลับโบว์ สาวสุราษฏร์นัยย์ตาคม ยิ้มหวาน เท้าความถึงที่มาของชื่อร้านว่าชื่อร้าน ครัวแสนยอดมาจาก ตำราความอร่อยที่พกมาจากคุณยอด พี่เขย ผู้คร่ำหวอดในวงการกุ๊กปรุงอาหารระดับโรงแรมมากกว่า 20 ปีที่ส่งทอดฝีไม้ลายมือความอร่อยผ่านมือพี่กลจนกลายเป็นร้าน ครัวแสนยอด หรือจะเรียกว่า ครัวแสนกล ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะอาหารแต่ละเมนูหน้าตาน่ารับประทานชวนให้ต้องสั่งลิ้มลอง แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เหมือนหลงกล ( หลงใหลในฝีมือพี่กล )

ทีเด็ดของร้านอยู่ที่ฝีมือล้วนๆ เพราะ พี่กล เนรมิตอาหารตามสั่งได้อย่างใจ ไม่ว่าเมนูจะพิสดารแค่ไหน ก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับพี่กลที่ยินดีรับอาสานำเสนอความอร่อยถึงปาก ทั้งก๋วยเตี๋ยว ลูกชิ้นทำเอง และอาหารตามใจคุณจะสั่ง อย่างเช่น กระทิงคลุกฝุ่น ( 80 บาท ) เขียวหวานรังไข่ ( 80 บาท ) กุ้งผัดไข่เค็ม( 80 บาท) ต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน (120 บาท) ปลากะพงทอดตะไคร้ ( 200 บาท )

ถ้าจะยกโขยงกันมาก็ไม่ต้องกลัวที่นั่งไม่พอเพราะพี่กลเตรียมด้านหลังของร้านบรรยากาศชิวล์เอาท์สุดๆ เอาไว้รองรับทั้งคู่รัก ครอบครัว เพื่อนฝูงและงานเลี้ยงสังสรรค์แบบส่วนตัว

หัวใจของความอร่อยที่ไม่ธรรมดาคือ รสชาติถึงเครื่อง หนักเนื้อ ต้มยำจัดจ้านถึงใจ และ ราคาเป็นกันเอง จึงไม่แปลกใจเลยที่ร้านครัวแสนยอดจะมีลูกค้าประจำเยอะทั้งฝรั่งทั้งคนไทย

สำหรับลูกค้าหน้าใหม่ที่อยากลิ้มลองความอร่อยก็ไม่ต้องกลัวรอนานเพราะแม่ครัวมีถึง 3 คน จึงรับรองได้ทั้งความอร่อยและความรวดเร็ว ไม่ต้องรอนาน

เปิดบริการทุกวัน เวลา 8.00 - 23.00 น.
ที่ตั้ง จากปากซอย ถนน พหลโยธิน 7 เข้ามาเกือบ 200 เมตร ร้านอยู่ทางด้านขวามือ
สอบถามรายละเอียดติดต่อโทร.02-279-7395

*** ที่นี่มีบริการ delivery กรุณาสั่งก่อน 11.00 น.***

**************

ละอองฟอง
อาหารเหนือพื้นบ้านในย่านอินเตอร์


"เราไม่กลัวคู่แข่งเรื่องอาหารอยู่แล้ว เพราะมั่นใจในรสชาติ แล้วก็ฝีมือ สิ่งที่กลัวอย่างเดียว กลัวว่าจะทำไม่ทัน กลัวว่าจะบริการลูกค้าไม่ทันใจ หรือว่าไม่ดีพอ เพราะว่าอาหารที่นี้ ใครมาทานก็ไม่ผิดหวังเพราะว่าแม่ตั้งใจควบคุมการผลิต" แม่คำฟอง กล่าวอย่างมั่นใจในเรื่องรสชาติที่ไม่เป็นสองรองใคร

แม่คำฟอง ตุ้งแปง สาวชาวเชียงราย เล่าว่าที่ร้านจะมีทั้งคนไทยและฝรั่งแวะเวียนกันเข้ามานั่งรับประทานอย่างไม่ขาดสาย เราจึงต้องเน้นการบริการที่ทั่วถึง มีเด็กเสริ์ฟมากหน่อยและพิถีพิถันเรื่องรสชาติทุกจานก่อนถึงแขกผู้มาเยือน

เมนูภูมิใจเสนอเช่น ข้าวซอย (30 บาท ) ขนมจีนน้ำเงี้ยว ( 30 บาท) น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ( 30 บาท) ลาบคั่วหมู ( 40 บาท) เมี่ยงปลาทู ( 50 บาท) และ ยังมีอาหารตามสั่งอีกมากมาย อย่าง ข้าวเต้าหู้ผัดพริกไทยดำ ( 30 บาท) ข้าวไข่เยี่ยวม้ากระเพรากรอบ ( 35 บาท) ข้าวไข่ระเบิด ( 30 บาท) ข้าวลาบวุ้นเส้น ( 30 บาท) แต่ละเมนูเป็นเมนูที่รสชาติออกไปทางอาหารพื้นบ้านซึ่งหาไม่ได้ง่ายๆ ในกรุงเทพฯเรา

แม่คำฟองบอกกับเราว่า " ทีเด็ดร้านนี้ต้องแกงโฮ๊ะ พวกแกงกะทิที่นี่จะมีสูตรเฉพาะตรงที่แกงพวกนี้ปกติจะเก็บได้วันเดียวแต่มันจะไม่ค่อยอร่อย ถ้าค้างไว้หนึ่งวันรสชาติมันจะเข้าที่กว่า อันนี้มาจากตำรับโบราณ ที่เอาทุดอย่างมาเทรวมกัน แล้วจะได้รสชาติที่อร่อยอย่างไม่น่าเชื่อ จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เสีย แล้วเราก็เอาผัก สาระพัดผักมาต้มรวมกันทั้งมีประโยชน์ทางด้านโภชนาการและรสชาติอร่อย เช่น ใบตระครู ตระไคร้ หรือว่าผักนานาชนิด อีกกว่า ไม่ต่ำกว่า 10 ชนิด เราเชื่อว่าสูตรนี้แหละที่ทำให้ลูกค้าติดใจและต้องกลับมาที่ร้านอีก"

ความพิเศษของร้านละอองฟองอีกอย่างคือ อาหารเหนือเราเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ ที่สั่งกันบ่อยๆก็อย่างไส้อั่ว ซึ่งไม่มีมัน จะเหมาะกับคนที่รักสุขภาพ รวมถึงพวกเมนูผัก สมุนไพรที่มาจากพืชหลากชนิด ซึ่งคนรักสุขภาพทั้งหลาย ไม่ควรพลาด แถมไม่อ้วนอีกต่างหาก

หากมีโอกาสแวะมาแถวนี้อย่าลืมแวะมาที่ร้านละอองฟองอาหารพื้นบ้านตำรับชาวเหนือมาเอง ที่นี่บรรยากาศโล่งโปร่ง สบายๆ และที่สำคัญราคาไม่แพงอย่างที่คิด

เปิดบริการทุกวันจันทร์ถึงเสาร์ เวลา 9.00-22.30 น. ปิดเฉพาะวันอาทิตย์
ที่ตั้ง ซอยอารีย์ 4 ฝั่งเหนือ อยู่ตรงหัวมุมถนนพอดี
สอบถามรายละเอียดติดต่อโทร 02-617-0282

*************

เธอมีนัด
นัดกิน - ดริ๊งก์ หลังพระอาทิตย์ตกดิน

ถ้าคุณกำลังมองหาร้านอาหารบรรยากาศกันเอง ส่วนตัว โล่ง โปร่ง และ ไม่แพง เราอยากให้ลองแวะมาจิบเบียร์เย็นๆ ที่นี่ " เธอมีนัด"

ร้านนี้ตกแต่งแบบเปลือย ดิบๆ สบายตา โทนสีร้านออกควันบุหรี่ ที่นี่มีมิตรไมตรีจิตแบบเพื่อน พี่ น้องหยิบยื่นให้แก่ลูกค้าอย่างเป็นกันเองสุดๆ ส่วนอาหารอร่อยราคาไม่แพงเริ่มต้นที่ 40-60 บาทเท่านั้น

พนม ผุดผ่อง เจ้าของร้านเล่าว่า "เมื่อก่อนผมเป็นกุ๊กอยู่โรงแรมมาก่อน มาวันหนึ่งก็เกิดอยากเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองก็กลายเป็น "เธอมีนัด" นี่แหละ เรามีขาหมูเยอรมัน( ราคา 280 บาท) แกงส้มชะอมกุ้ง ( 80 บาท) ยำเธอมีนัด ( 80 บาท) ปลากะพงทอดตะไคร้ ( 220 บาท) อาหารไทย จีน ฝรั่ง ทำได้หมด รับประกันเรื่องรสชาติว่าระดับโรงแรมครับ"

พนมสาธิตสูตรเด็ด ยำเธอมีนัดว่า เมนูนี้เป็นชื่อเดียวกับชื่อร้าน เป็นสูตรที่ทางร้านคิดค้นกันขึ้นมาเอง อย่างส่วนผสมที่ใส่จะไม่เหมือนยำอื่นๆ เช่นใส่ไส้กรอกทอด หมูแดดเดียว สมุนไพรไทยเอามาทอดกรอบใส่ลงไปยำเป็นเธอมีนัด หรือสปาเก็ตตี้ปลาเค็ม อันนี้ทีเด็ดมาก เพราะปลาเค็มของที่นี่เป็นปลาเค็มหอม แล้วก็ใช้เนยชั้นดีมาผัดเข้ากับปลาเค็ม ส่วนเส้นไม่นิ่มจนเละและต้องไม่แข็งเกินไป หรือจะเป็นขาหมูเยอรมัน เมนูนี้เคยส่งให้กับโรงพยาบาลราชวิถีมาแล้ว

แนะนำว่าถ้าอยากมาที่นี่แบบเอิกเกริก สนุกสนาน แนวปาร์ตี้กินดื่มหน่อย แนะนำให้มาวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ คนจะเยอะเป็นพิเศษ

พนมเล่าว่า " ด้วยความที่เราเป็นกันเองของกับลูกค้าทำให้เรามีลูกค้าประจำเยอะ นี่ก็เกือบ 7 ปีแล้วที่ร้านเราอยู่มาได้ ลูกค้าหลายคนที่มากินก็กลายเป็นเพื่อนกับเราไปเลยก็มี ช่วงเทศกาลบอลก็มานั่งดื่มเบียร์ดูบอลด้วยกันได้ครับ"

เปิดบริการทุกวัน เวลา 19.00- 24.00 น. สอบถามรายละเอียดติดต่อ โทร. 08- 79388-787
ที่ตั้ง 36 / 18 ซอยพหลโยธิน 7 ปากทางเข้าร้านอารีบา บาร์

ช่วงเทศกาลบอลที่นี่มีบริการเปิดทีวีสองเครื่องไว้อำนวยความสนุกให้ลูกค้าที่ติดตามบอลคู่โปรดด้วย

*************

อารันชินี่
ไลฟ์สไตล์แนวหรูคู่คนมีรสนิยม ย่านซอยอารีย์


ยามค่ำคืนกลางซอยอารีย์มีร้านอาหารร้านหนึ่งที่สาดแสงสีส้มทองอร่ามโดดเด่นเป็นสง่า หรูหราด้วยรสนิยมแบบอิตาลีขนานแท้ ร้านนี้ชื่อว่า อารันชินี่ ชื่อนี้เป็นมงคลสุดๆ เพราะแปลว่าผลส้ม หรือ ความมงคลตามความหมายจีน แปลเป็นลูกผสมเป็นสำเนียงอิตาเลียนในความหมายจีนปนไทยว่า A - RAN – CI – NI ส่วนสีส้มนั้นหมายถึงสัญลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ที่พร้อมจะพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ

อารันชินี่แบ่งเป็นโซนด้านนอกและด้านใน รองรับรสนิยมหรูภายในร้านและด้านนอกที่โล่งโปร่งสบาย พร้อมเน้นย้ำเป็นพิเศษในเรื่องการบริการที่ดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด

คุณอ้อย ชาลินี บุญทรรพ เล่าว่า เธอและเพื่อนอีกสองคนที่เป็นหุ้นส่วนในการเปิดร้านมีความหลงใหลในรสชาติอาหารของอิตาลีตอนใต้ซึ่งเน้นรสจัดจ้านเป็นอย่างมาก เพราะจากการที่ได้เดินทางและชิมอาหารนานาชาติมานักต่อนักแล้ว เธอคิดว่าอาหารอิตาลีนี่แหละอร่อยที่สุดแล้ว คุณอ้อยกล่าวเสริมถึงเหตุที่ต้องเป็

ลองดูก่อนตัดสินใจกินส้มตำครกต่อไป

ลองดูก่อนตัดสินใจกินส้มตำครกต่อไป

ดูคลิบแล้วจะไม่อยากกินอะไรเลย ขอบอก !!!!!!
พิษร้ายของส ้มตำปู ดูคลิปด้วย น่ากลัวมักๆ
เห็นด้วยมากๆ จ้ะ เลิกกินปูเถอะนะ เป็นห่วงสุขภาพ สงสารคนที่ต้องดูแล เวลาป่วย
สงสารความเหนื่อยยากของเราเองที่ต้องทำงานหาเงินเพื่อที่จะต้องมารักษาตัวเอง
พิษร้ายของส้มตำปู
รู้มั๊ยว่ามีพยาธิกินสมองอยู่ในปูเค็มด้วยนะ?
ส้มตำปูเค็มที่เป็นปูน้ำจืด อันตรายมาก..มาก เพราะในปูเค็มน้ำจืดนั้น
เต็มไปด้วยพยาธิใบไม้ในปอด พยาธิตัวจี๊ด และพยาธิอีกหลายชนิด
ตัวที่ร้ายที่สุดมันจะไปชอนไชสมอง ทำให้เลือดออกในสมอง และอาจเสียชีวิตทันที
และข่าวร้ายก็คือส้มตำปูเค็มที่มีขายอยู่ทั่วไป นิยมใช้ปูเค็มน้ำจืด
ฉะนั้นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด คือเลิกทานปูเค็มไปเลยดีกว่า
โรคพยาธิในปอดจากปูเค็มจะรักษายาก
เพราะแพทย์อาจวินิจฉัยโรคผิดโดยคิดว่าเป็นอาการของวัณโรคที่ปอดเพราะอาการ
คล้ายกันเพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยก็หลีกเลี่ยงการทานปูเค็มกันดีกว่า เนอะ

เริ่มกันด้วยเคล็ดลับการเจียวไข่กันก่อน

เริ่มกันด้วยเคล็ดลับการเจียวไข่กันก่อน
ทำไงให้กรอบๆ ฟูๆ

ไข่เจียวกรอบ

ส่วนผสม
- ไข่ไก่ 1-2 ฟอง (วางไว้ที่อุณหภูมิห้องให้หายเย็น)
- แป้งโกกิผสมน้ำเล็กน้อย
- ผงฟู 1/2 ช้อนชา
- น้ำปลาและน้ำตาลเล็กน้อยสำหรับปรุงรส
- น้ำมันสำหรับทอด (น้ำมันหมูอร่อยที่สุด แต่น้ำมันพืชก็ใช้ได้)

วิธีทำ
1. ตอกไข่ใส่ชาม ตามด้วยแป้งโกกิที่ผสมน้ำไว้แล้ว ผงฟู และน้ำปลากับน้ำตาลสำหรับปรุงรส (ใครอยากใส่"ส่วนผสมเพิ่ม"ก็ตามสบาย) จากนั้นตีไข่กับส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันจนขึ้นฟอง
2. ในกะทะที่ตั้งน้ำมันรอไว้จนร้อนแล้ว (ใช้น้ำมันเยอะๆ ) ให้นำไข่ที่เจียวเตรียมไว้เทจากที่สูงๆ ลงไปทอด ให้เหลือง ฟู และกรอบทั้งสองด้าน แล้วนำเสริฟร้อนๆ ทานคู่กับซอสพริกเข้ากันดี
(ส่วนผสมเพิ่มก้ออาจจะเป็น หมูสับ ไก่สับ กุ้ง ปู แฮม แหนม หอย มาม่า ปลาป๋อง พริกสด หอมแดง ข้าวโพด ทูน่า ฯลฯ แล้วแต่รสนิยมเลยค่ะ)

ไข่เจียวฟู

1.ตีไข่ปรุงรสตามชอบ ใส่น้ำตาลนิดหน่อยเพราะน้ำตาลจะทำให้กรอบ
2.ใช้กระป๋องนมข้นเจาะให้เป็นรูๆ หรือใช้ทัพพีที่มีลีกษณะเป็นรูๆก็ได้
ใส่ไข่ในกระป๋องแล้วก็ให้ไข่ไหลออกมาเรื่อยๆ ใส่ลงกระทะน้ำมันเดือดไฟแรง
เมือสุกแล้วช้อนขึ้นมาพักไว้ พร้อมเสริฟ

ไข่เจียวใบตอง

เป็นการเจียวไข่โบราณ "โดยไม่ใช้น้ำมัน" ให้ใช้ใบตองเขียวๆ แบบ อ่อนๆ เพิ่งออกมาใหม่ๆ
ล้างหลายๆครั้งและตากให้แห้ง
วิธีทำ
1. ตีไข่ปรุงตามชอบใจ
2. นำกระทะตั้งไฟจนร้อน ไม่ต้องใส่น้ำมัน
3. แล้วนำใบตองมารองก้นกะทะ แล้วเทไข่ลงไป ทอดบนใบตอง





ไข่ป่าม

อาหารล้านนา ที่หารับประทานได้ยาก ไข่ป่าม มีลักษณะคล้ายไข่เจียว
ป่าม หรือ การทำให้อาหารสุกโดยนำอาหารใส่ในใบตองแล้วนำไปปิ้งหรือ








ย่างบนไฟอ่อน ๆ นอกจากไข่จะสุกแล้ว ยังมีกลิ่นหอมจากใบตองอีกด้วย

1. ตีไข่ ปรุงรสด้วยเกลือป่น
2. พับใบตองเป็นกระทง ใส่ไข่ที่ตีแล้วลงไป โรยด้วยต้นหอม ใบหอม 3
3. นำไปย่างไฟอ่อน ๆ จนไข่สุกเหลือง น่ารับประทาน

แล้วก้อมาถึงเมนูไข่เจียวนานาชาติ อร๊อยย อร่อย

ไข่เจียวต้มยำ >ประเดิมกันด้วยของไทยๆก่อนเลย

ส่วนผสม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ซอยแว่นบาง 1 ต้น
- พริกขี้หนูซอยหรือสับหยาบๆ 3-5 เม็ด
- น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำพริกเผา(ไม่เอาน้ำมัน) 1 ช้อนชา
- ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ
- กุ้งสดสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ(ไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำ
1. ตอกไข่ใส่ชามปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาวและเครื่องปรุงทั้งหมด ตีให้ขึ้นฟู
2. ทอดไข่ในกระทะน้ำมันร้อนจนสุกเหลือง
3. ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ

ไข่เจียวฝรั่งใส่เห็ดและชีส >อาหารเช้าฝาหรั่ง
เครื่องปรุง
- เห็ดนางฟ้า หรือเห็ดอะไรก็ได้ตามที่ชอบ 1 ขีด
- เนย Clarify 1/2 ถ้วยตวง
- หอมแดงสับ 1 ช้อนชา
- เนยแข็งขูด Cheddar ชีส 30 กรัม
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- นม 3-4 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ / พริกไทย พอประมาณ

วิธีทำ
1 นำกระทะตั้งไฟแล้วใส่เนย Clarify 2 ช้อนโต๊ะ
2 เมื่อกระทะร้อนนำเห็ดลงไปผัดกับหอมสับ ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย แล้วตักออกพักไว้
3 นำกระทะ ตั้งไฟ แล้วนำเนย Clarify ใส่ลงไปให้ร้อนประมาณ 4-5 ช้อนโต๊ะเมื่อร้อนแล้วจึงนำไข่ไก่ที่ตีให้เข้ากันกับนม หรือครีมลงไปในกระทะ คนให้ข้น แล้วกระจายไข่ให้ทั่วกระทะ
4 ลดไฟอย่าให้ไข่ไหม้หรือเหลือง ตักเห็ดยัดแล้วโรยด้วย Cheddar ชีสขูด แล้วจึงค่อย ๆ เคาะ กระทะเพื่อม้วนไข่ให้เป็นห่อกลม ๆ เรียว ๆ ยาว ๆ เสิร์ฟร้อน ๆ

ไข่เจียวเสฉวน>เจียวไข่กันแบบจีนๆ

เครื่องปรุง
- ไข่ไก่ 6 ฟอง
- หมูสับ 50 กรัม
- ต้นหอมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำซุปไก่ 1 ถ้วย
- แป้งมัน 1/2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- หน่อไม้กระป๋องสับ 60 กรัม
- เห็ดหูหนูสับ 20 กรัม
- ผักกาดดองสับ 20 กรัม
- เกลือ 1 ช้อนชา
- แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันสำหรับทอด 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1 นำไข่ไก่ 6 ฟองมาตีกับแป้งมัน และเกลือ
2 นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันให้ร้อนไม่ต้องมากนัก (ปานกลาง) เทไข่ลงไปแล้วลดไฟให้อ่อน ทอดไข่ข้างหนึ่ง 3 นาที เมื่อไข่ฟูเสมอกันกลับไข่ ทอดต่ออีกข้างให้เหลือง เมื่อเหลือและ กรอบนิดหน่อยตักออกแล้ว นำไปหั่นเป็นชิ้นพอคำ ใส่จานพักไว้
3 นำกระทะอีกใบตั้งไฟใส่น้ำมันลงไปนิดหน่อย เมื่อร้อนนำหมูสับลงไปผัดให้สุก แล้วจึงใส่น้ำซุปลงไป ต้มให้เดือด ใส่หน่อไม้ เห็ดหูหนู และผักกาดดองสับ ปรุงรสด้วยเกลือ และพริกไทย เมื่อรสชาติเป็นที่พอใจแล้วทำให้ซอสข้นด้วยแป้งมันผสมน้ำ นำซอสนี้ไปราดบนไข่เจียว โรยหน้าด้วยหอมสับ เสิร์ฟร้อน ๆ

ไข่ทอดน้ำหน้ากระเพราไก่ >เมนูนี้ลูกครึ่งไทยอเมริกัน

เครื่องปรุง :-
ไข่ไก่ 2 ฟอง
ขนมปังปิ้ง 4 ชิ้น
น้ำต้มสุก 1/2 ลิตร
น้ำส้มสายชู 1/4 ถ้วยตวง
พริกขี้หนู รากผักชี กระเทียม พริกไทย โขลก 1 ช้อนโต๊ะพูน
เนื้อไก่ติดหนังบด 150 กรัม
น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา พอประมาณ
น้ำตาลปี๊บ พอประมาณ
ใบกระเพราสด 1/2 ถ้วยตวง
ใบกระเพราทอดกรอบ 1/2 ถ้วยตวง

วิธีทำกระเพราไก่ :-
1. นำพริกขี้หนู รากผักชี กระเทียม พริกไทย ที่โขลกหยาบ ๆ
ไว้แล้วลงไปผัดไฟอ่อน ๆ เร่งไฟขึ้นนำเนื้อ ไก่ลงไป ผัดต่อให้สุกใส่ใบกระเพราสดลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ พักไว้สำหรับราดหน้าไข่ทอดน้ำ

วิธีทำไข่ทอดน้ำ :-
1. ต้มน้ำผสมน้ำส้มสายชูให้เดือด
2. ตอกไข่สดลงไปในถ้วย แล้วค่อย ๆ เทลงไปในน้ำที่เดือดอยู่ ไข่ขาวจะรวมตัวเป็นลูกเอง
3. ลดไฟ และต้มต่อไปจนกระทั่งไข่ขาวเริ่มแข็งตัว
4. นำทัพพีที่มีรูตักไข่ขึ้นมา ซับน้ำให้แห้งด้วยกระดาษซับมันแล้วนำไข่ไปวางบนขนมปังที่ปิ้งและตัดขอบไว้แล้ว
5. ราดหน้าไข่ด้วยไก่ผัดใบกระเพรา
6. แต่งหน้าไข่ด้วยใบกระเพราทอดกรอบ เสริฟร้อน ๆ รับประทานเป็นอาหารเช้า

ไข่เจียวญี่ปุ่น > ทามาโกะยากิ ทำเองด้ายง่ายนิดเดียว

ไข่เจียวสไตล์ญี่ปุ่น หรือไข่ม้วน (Egg roll) ไข่เจียวจะออกหวาน
ดังนั้นจะทำให้ไข่ไหม้ง่ายมากๆ ควรระมัดระวังเรื่องความร้อนด้วยนะคะ
ส่วนผสม
-ไข่ 3 ฟอง
-น้ำตาล 1 ช้อนชา
-น้ำซุป 2 ช้อนโต๊ะ
-ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนชา
-น้ำมันพืช 2 ช้อนชา

วิธีทำ
1. ตอกไข่ใส่ชาม
2. เติมน้ำตาล น้ำซุป ซอสถั่วเหลืองและตีให้เข้ากัน
3. เทน้ำมันใส่กระทะและรอให้ร้อน
4. ปรับความร้อนลงมาและเทไข่ลงไป 1/3 ของในชามลงไปในกระทะ
5. แผ่ไข่ให้ทั่วกระทะ
6. เมื่อไข่เกือบสุก ให้ม้วนไข่ไปทางด้านบนจนถึงขอบด้านบนของกระทะ (ชั้นที่ 1ในสุด)
7. เทส่วนผสมที่เหลือลงไปอีกครึ่งหนึ่ง และแผ่ให้ทั่วกระทะ
8. ขณะที่แผ่ไข่ให้ทั่วกระทะ ให้ตักไข่ม้วน(ชั้นที่1)มาไว้ด้านบนไข่ที่แผ่ไว้
9. เมื่อไข่ชั้นล่างเกือบสุก ให้ม้วนไข่ไปไว้ด้านบนของกระทะ (ชั้นที่ 2)
11.เทส่วนผสมที่เหลือทั้งหมด และทำแบบเดิมอีกครั้ง
12. เมื่อทำชั้นที่ 3 แล้วและม้วนแล้ว หั่นพอดีคำ พร้อมเสิร์ฟ

ไข่ตุ๋นญี่ปุ่น > อดไม่ได้ของโปรด ชาวามูชิ ไข่นุ่มๆเนียนๆ

1.ตอกไข่ใส่ชาม ตีแบบไข่เจียว
2.ใส่น้ำ(หรือจะใช้น้ำซุป) 3เท่าของปริมาณไข่
3.คนให้ไข่เข้ากะน้ำซุป
4.ปรุงรสด้วยซีอิ๊วหรือเกลือ(ถ้าใช้น้ำซุปทำให้ใช้เกลือปรุง ไม่งั้นซีอิ๊วจะทำลายกลิ่นน้ำซุป)
5.เอาส่วนผสมที่ได้มากรองฟองออก "จนฟองหมด"
6.เทใส่ชาม (อาจใส่เนื้อกุ้ง ปู แฮม ไปด้วยตามสะดวก) ตุ๋นไฟปานกลางจนกว่าจะสุก
(วิธีดูว่าสุกหรือไม่ ใช้ส้อมจิ้มไปตงกลางไข่ ถ้าไม่มีน้ำไข่ติดส้อมออกมาเปนอันใช้ได้ หรือ
ใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มดู ถ้าไม้จิ้มฟันเปลี่ยนสีเข้มคือยังไม่สุก)

ไข่เจียวผักโขมชีส > อิตาเลียนน..น

ส่วนผสม
ไข่ไก่ 1 ฟอง
ซอสหอยนางรมตราแม็กกี้ 2 ช้อนชา
เนื้อหมูสับ 1 ช้อนโต๊ะ
ผักโขมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
มอสซาเรลลาชีส หั่นชิ้นเล็กๆ 1ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำ
1.ตอกไข่ ใส่ภาชนะ ตามด้วยซอสหอยนางรมตราแม็กกี้ หมูสับ มอสซาเรลลาชีส และ ผักโขม ตีพอส่วนผสมเข้ากันดี
2.ใส่น้ำมันพืชลงกระทะพอร้อน นำส่วนผสมลงทอดไฟปานกลางพอสุกเหลืองทั้งสองด้าน



ไข่เจียวมันฝรั่ง > เข้ากันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ส่วนผสม
มันฝรั่ง 500 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
กระเทียมสับละเอียด 6 กลีบ
ผักชีสับละเอียด (ไม่ใช้ราก) 1 ช้อนโต๊ะ
เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. นำมันฝรั่ง มาปอกเปลือก ล้างน้ำ แล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ
2. นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันลงไป เมื่อร้อน นำมันฝรั่งลงไปทอดให้เหลือง แล้วตักขึ้น พักไว้บนกระดาษซับน้ำมัน
3. ในกระทะเดียวกัน เทน้ำมันออก เหลือติดไว้เล็กน้อย แล้วนำผักชี กระเทียม พริกไทย เกลือ ใส่ลงไป คนให้สุกทั่วกัน
4. นำมันฝรั่งทอด ที่พักไว้ใส่ลงไปในกระทะ ตามด้วยใส่เนยสด ลงไปข้างๆ มันฝรั่งวนไปรอบๆ เพื่อให้เนยละลายเข้าไปในมันฝรั่งเสียก่อน จึงเทไข่ที่ตีจนขึ้นฟูไว้แล้วลงไปให้กลบมันฝรั่ง กะว่าพอเหลืองค่อยกลับพลิกอีกด้านให้เหลือง
5. ตักขึ้นใส่จาน เสิร์ฟกับซอสมะเขือเทศ รับประทานกับข้าวสวยร้อนๆ

Winner House อาหารเวียตนาม บุฟเฟ่ห์ สาขาลาดพร้าว ซึ่งอยู่ในสิริอุสพลาซ่า ข้างๆบิ๊กซี ลาดพร้าว

Winner House อาหารเวียตนาม บุฟเฟ่ห์ สาขาลาดพร้าว ซึ่งอยู่ในสิริอุสพลาซ่า ข้างๆบิ๊กซี ลาดพร้าว
หัวละ 149 บาทnet (NO +VAT, NO +SVC แต่ไม่รวมเครื่องดื่มนะ)

มีเครื่องดื่มรีฟิวอยู่อันเดียวคือ น้ำตะไคร้ 40 บาท เติมได้ตลอด

มีสาขาอื่นอีกนะ แต่ไม่รู้ว่ามีที่ไหนบ้าง

อร่อยดี แบบว่าไม่ต้องลุกไปตัก สั่งตามที่มีได้ทุกอย่างในเมนู ยกเว้นกุ้งพันอ้อย กะ กุ้ง/ปลามะนาว ที่เป็น limited edition ต้องมา 2 คน ถึงจะสั่งได้ 1 จานเท่านั้น

ไปถึงก้อสั่งทุกอย่างที่เราอยากกินทีเดียวเลย เค้าจะได้ทยอยๆมาเสิร์ฟ ไม่ต้องรอนาน (แต่ถ้าไปจังหวะไม่ดี ช่วงคนเยอะ ก้อต้องรอนานนิดนึง)

พาน้องๆไป น้องๆก้อชอบ เด็กเค้าคิดครึ่งราคา
อาหารก้อมีจำพวกแหนมเนือง หมูย่างใบชะพลู ขนมเบื้องญวน บันดาทรงเครื่อง หอยลายอบกระเทียม เฝอ

ขนมถ้วยเวียตนาม (ชอบอันนี้) ไข่กะทะ ฯลฯ

ร้านเชียงการีล่า คิทเช่น ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 สีลมคอมเพล็กซ์ ติดกับเชสเตอร์กริลล์

เมื่อก่อนใครชวนไปกิน"โต๊ะจีน" นั้นต้องรวมพลกันให้ได้ 8 – 10 คนแล้วก็เตรียมเงินเอาไว้เยอะหน่อยค่อยกล้าไปกิน เพราะอาหารจีนขึ้นชื่อว่าราคาค่อนข้างแพง แต่มาตอนนี้พอคนรุ่นใหม่เข้ามาจับธุรกิจนี้ทุกอย่างเริ่มเปลี๊ยนไป๋!!!

คุณเชอรี่ ลูกสาวเจ้าของภัตตาคารเชียงการีล่าก็คนรุ่นใหม่ที่หันมาจับธุรกิจอาหารตามแบบพ่อ แต่มาพัฒนารูปแบบร้านอาหารจีนให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ในชื่อร้าน "เชียงการีล่า คิทเช่น " คือย่อจากภัตตาคารมาเป็นร้านขนาดเล็กหน่อย รูปแบบการตกแต่งเน้นสีสันสดใสแบบจีนแต่ทันสมัยแถมอาหารจีนก็เป็นจานเล็กราคาย่อมลงมาหน่อยจะมากินสองคนหรือเป็นกลุ่มก็ได้
จุดเด่นของร้านนี้อยู่ที่กล้าจ้างเชฟฮ่องกงมาประจำถึง 2 คน คือคนหนึ่งคุมเรื่องอาหารทั้งหมด อีกคนมาคุมเรื่องบะหมี่สไตล์เสฉวนโดยเฉพาะ เพราะร้านนี้เขาจะทำบะหมี่กันสด ๆ แบบชามต่อชาม ตั้งแต่นวดแป้งด้วยมือแล้วสาว ไป สาวมาเป็นเส้นยาว ๆ หย่อนลงไปในน้ำเดือดปุด ๆ แล้วใช้กระชอนตักขึ้นมาปรุงตามเมนูที่มีให้เลือกมากมาย รสชาติของบะหมี่สดจะนุ่มลิ้นมาก มีกลิ่นหอมของแป้งหมี่ ซดกับน้ำซุปร้อน ๆ อร่อยอย่าบอกใคร

ร้านนี้มีเมนูบะหมี่ที่แพงสุด ๆ เรียกว่า"บะหมี่จอมพล" ใครฟังราคาแล้วต้องตกใจบะหมี่บ้าอะไรชามตั้ง 800 บาท แต่ถ้ากล้า ๆ สั่งแล้วจะรู้ว่ามันวิเศษอย่างไรบ้าง ที่ตั้งชื่อว่าบะหมี่จอมพลเพราะบะหมี่ชามนี้รวมสุดยอดขุนพลทางทะเลระดับสุดแพงมาทั้งนั้น อย่างกุ้งมังกร 1 ตัวราคาก็หลายร้อยบาทแล้ว มีปูทะเลสด ๆ อีก 1 ตัว เนื้อปลาสด เห็ดหอมเนื้อหนา หมูแดงฮ่องกง บะหมี่สด 4 ก้อน ทั้งหมดรวมอยู่ในชามกระเบื้องกังไสใหญ่ยักษ์ขนาด 14 นิ้วที่ต้องสั่งมาจากเมืองจีนโดยเฉพาะ ชามขนาดนี้ต้องรวมพลให้ได้ 4-6 คนจึงจะกินกันหมดชาม
บะหมี่อลังการแบบนี้วิธีเสิร์ฟยังไม่ธรรมดาเลย เพราะต้องใช้เสียวเจี่ย( สาวน้อย) 2 คนแบกกันมาโดยมีพนักงานที่แต่งชุดนายทหารควบคุมมาด้วย เวลาจะเสิร์ฟเขาจะมีกลอนท่องเสียงดังคับร้านว่า...บะหมี่จอมพล กินแล้วคุ้มค่า อร่อยซู่ซ่า ฮ่าฮ่าฮ่า!! ใครอยากซู่ซ่าก็ลองไปกินดู
อาหารจานอื่น ๆ ก็อร่อย ๆ ทั้งนั้น มีให้เลือกกว่า 80 เมนู ส่วนมากเป็นพวกจานด่วน อาทิ ติ่มซำ เสี่ยวหลงเปาของที่นี่สูตรเดียวกับที่ภัตตาคารเชียงการีล่า แต่ขายในเข่งละ 10 ลูกจาก 80บาทตอนนี้ทำโปรโมชั่น เหลือ 59 บาท ไก่นึ่งเหล้ารสชาติหอมเหล้าจีนมาก หรือปลาเก๋าอบหนำเลี้ยบเมนูแปลกห่อมาในฟรอยด์ร้อนๆ แบบจานร้อน รสชาติหอมอร่อยมาก

ก่อนกลับอย่าลืมซื้อขนมเปี้ยะโบราณกลับบ้านไปกินกับน้ำชาก็ดี เพราะขนมเแบบแฮนเมดแต่ขายราคาชิ้นละ 10 – 15 บาทเท่านั้น โดยเฉพาะ"ขนมเชียงการีล่า"ซี่งเป็นสูตรของเชฟฮ่องกงทำมาจากแป้ง ไข่เหมือนขนมเค้กมีไข่เค็มแดงอยู่ด้านบนชินละ 10 เช่นกัน

ร้านเชียงการีล่า คิทเช่น ตั้งอยู่ที่ชั้น 2 สีลมคอมเพล็กซ์ ติดกับเชสเตอร์กริลล์ เปิดบริการทุกวันตั้งแต่เวลา 11.00 – 21.00 น. ถ้าจะไปกินวันหยุดขอแนะนำให้โทรจองโต๊ะก่อนเพราะแน่นมากที่ 02-632-1238- 9

ไปหม่ำบะหมีกัน(ชามละ 800) ไปจริงๆนะ น่ากินมาก

ไปหม่ำบะหมีกัน(ชามละ 800) ไปจริงๆนะ น่ากินมาก
>
> เมื่อก่อนใครชวนไปกิน ' โต๊ะจีน ' นั้นต้องรวมพลกันให้ได้ 8 – 10 คนแล้วก็เตรียมเงินเอาไว้เยอะ
> หน่อยค่อยกล้าไปกิน
> เพราะอาหารจีนขึ้นชื่อว่าราคาค่อนข้างแพง
>
> แต่มาตอนนี้พอคนรุ่นใหม่เข้ามาจับธุรกิจนี้ทุกอย่างเริ่มเปลี๊ยนไป๋!!!
> คุณเชอรี่ลูกสาวเจ้าของภัตตาคารเชียงการีล่าก็คนรุ่นใหม่ที่หันมาจับธุรกิจ อาหารตามแบบพ่อ แต่มาพัฒนา
> รูปแบบร้านอาหารจีนให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ในชื่อร้าน ' เชียงการีล่า คิทเช่น ' คือย่อจาก
> ภัตตาคารมาเป็นร้านขนาดเล็กหน่อย รูปแบบการตกแต่งเน้นสีสันสดใสแบบจีนแต่ทันสมัยแถมอาหารจีนก็
> เป็นจานเล็กราคาย่อมลงมาหน่อยจะมากินสองคนหรือเป็นกลุ่มก็ได้
>
> จุดเด่นของร้านนี้อยู่ที่กล้าจ้างเชฟฮ่องกงมาประจำถึง 2 คน คือคนหนึ่งคุมเรื่องอาหารทั้งหมด อีกคนมา
> คุมเรื่องบะหมี่ส ไตล์เสฉวนโดยเฉพาะ เพราะร้านนี้เขาจะทำบะหมี่กันสด ๆ แบบชามต่อชาม ตั้งแต่นวด
> แป้งด้วยมือแล้วสาว ไป สาวมาเป็นเส้นยาว ๆ หย่อนลงไปในน้ำเดือดปุด ๆ แล้ว ใช้กระชอนตักขึ้นมา
> ปรุงตามเมนูที่มีให้เลือกมากมาย รสชาติของบะหมี่สดจะนุ่มลิ้นมาก มีกลิ่นหอมของแป้งหมี่ ซดกับน้ำซุป
> ร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใคร
>
> ร้านนี้มีเมนูบะหมี่ที่แพงสุด ๆ เรียกว่า ' บะหมี่จอมพล ' ใครฟังราคาแล้วต้องตกใจบะหมี่บ้าอะไรชาม
> ตั้ง 800 บาท
> แต่ถ้ากล้า ๆ สั่งแล้วจะรู้ว่ามันวิเศษอย่างไรบ้าง ที่ตั้งชื่อว่า บะหมี่จอมพลเพราะบะหมี่ชามนี้ รวมสุดยอด
> ขุนพลทางทะเลระดับสุดแพงมาทั้งนั้น อย่าง....
> กุ้งมังกร 1 ตัว ( ราคาก็หลายร้อยบาทแล้ว)
> ปูทะเลสด ๆ อีก 1 ตัว
> เนื้อปลาสด
> เห็ดหอมเนื้อหนา
> หมูแดงฮ่องกง ( ไม่รู้ว่าเห็ดหอมกับหมูแดงมันทะเลตรงไหน)
> บะหมี่สด 4 ก้อน
> ทั้งหมดรวมอยู่ในชามกระเบื้องกังไสใหญ่ยักษ์ขนาด 14 นิ้ว!!!! ที่ต้องสั่งมาจากเมืองจีนโดยเฉพาะ
> ( ชามขนาดนี้ต้องรวมพลให้ได้ 4-6 คนจึงจะกินกันหมดชาม )
>
> บะหมี่อลังการแบบนี้วิธีเสิร์ฟยังไม่ธรรมดาเลย เพราะต้องใช้เสียวเจี่ย(สาวน้อย) 2 คนแบกกันมาโดยมี
> พนักงานที่แต่งชุดนายทหารควบคุมมาด้วย เวลาจะเสิร์ฟเขาจะมีกลอน ท่องเสียงดังคับร้านว่า...
> ' บะหมี่จอมพล กินแล้วคุ้มค่า อร่อยซู่ซ่า ฮ่าฮ่าฮ่า!! ' ใครอยากซู่ซ่าก็ลองไปกินดู
> อาหารจานอื่น ๆ ก็อร่อย ๆ ทั้งนั้น มีให้เลือกกว่า 80 เมนู ส่วนมากเป็น พวกจานด่วน อาทิ ติ่มซำ
> เสี่ยวหลงเปาของที่นี่สูตรเดียวกับที่ภัตตาคารเชียงการีล่า แต่ขายในเข่งๆ ละ 10 ลูกจาก 80 บาทตอน
> นี้ทำโปรโมชั่น เหลือ 59 บาท ไก่นึ่งเหล้ารสชาติหอมเหล้าจีนมาก หรือปลาเก๋าอบหนำเลี้ยบ เมนูแปลก
> ห่อมาในฟรอยด์ร้อนๆ แบบจานร้อน รสชาติหอมอร่อยมาก
> ก่อนกลับอย่าลืมซื้อขนมเปี้ยะโบราณกลับ
>

รสโอชา"ข้าวต้มปลาราชวงศ์" ยืนยงคู่เยาวราช : โดย ผู้จัดการออนไลน์: 20 กรกฎาคม 2551 13:23 น.

บรรยากาศร้านโต๊ะนั่งของร้าน "ข้าวต้มปลาราชวงศ์"
หน้าฝนอย่างนี้ ทำเอา "ผ่านมาแวะกิน" ที่ว่าดูแลสุขภาพอย่างดีแล้ว ก็ไม่แคล้วโดนพิษฝนเล่นงานจนเจ็บไข้ได้ป่วย เป็นหวัด ปวดหัว ตัวร้อน เจ็บคอกับเขาเหมือนกัน เวลาที่เราเกิดป่วยขึ้นมาอย่างนี้ทีไร ไม่รู้เป็นอะไรมักนึกถึงอยากจะกินแต่ของกินร้อนๆ ที่ช่วยให้อิ่มสบายท้องอย่างพวกข้าวต้มปลาที่ข้าวสวยเม็ดนุ่ม เนื้อปลานิ่มๆ และมีน้ำซุปให้ซดร้อนๆ ชุ่มชื่นโล่งคอ

ข้าวต้มปลา+บะเต็ง
แล้วในมื้อนี้ "ผ่านมาแวะกิน" ก็พาตัวและกระเพาะมากินข้าวต้มปลาร้อนๆ ให้สมใจอยากกันที่ร้าน "ข้าวต้มปลาราชวงศ์" ย่านเยาวราช ซึ่งเราได้รับคำบอกกล่าวมาจากเหล่าเพื่อนฝูงนักกิน ว่าเป็นร้านข้าวต้มปลาเจ้าดัง และเก่าแก่แห่งย่านเยาวราช ที่เปิดขายมานานตั้งแต่รุ่นก๋ง รุ่นพ่อ จนตอนนี้มาถึงรุ่นหลานอย่างคุณสมบูรณ์ มโนวงศ์กุล นับอายุอานามก็กว่า 70 ปี ที่ร้านนี้ขายข้าวต้มปลารสดี และอีกสารพัดข้าวต้มรสเด็ดที่ชวนลิ้มรส

สำหรับข้าวต้มชามแรกที่เราเลือกสั่งมาประเดิมมื้อนั้นคือ ข้าวต้มปลา+บะเต็ง เหตุที่เราเลือกสั่งมาทั้ง 2 อย่างในชามเดียวกัน ก็เพราะว่าที่นี่ขึ้นชื่อในเรื่องของเนื้อปลารสดี แล้วก็ยังมีบะเต็งที่มีรสลือชาไม่แพ้กัน เราจึงขอสั่งมาชิมในชามเดียวกันเลย เพื่อไม่ให้เสียเวลาเนื้อปลาของที่นี่ไม่เหมือนร้านไหน ทางร้านนั้นเลือกใช้เป็นเนื้อปลาน้ำดอกไม้ ซึ่งเป็นปลาทะเลที่จะสั่งมาสดๆ ทุกวัน แล้วนำเนื้อมาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าพอดีคำ พอว่าลูกค้าสั่งก็จะนำมาลวกจนเนื้อปลาสุก กินแล้วต้องบอกว่าเนื้อปลานั้นไม่คาว เนื้อนุ่มหวาน เคี้ยวแน่นหนึบปาก

ข้าวต้มรวมมิตร

ส่วนบะเต็งที่ว่าคือหมู 3 ชั้น ที่นำมาผัดกับซีอิ้วดำหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋า ชิมแล้วเนื้อหมูเคี้ยวนุ่มปนมัน ออกเค็มๆ หวานๆ ทั้งเนื้อปลาและบะเต็งนั้นกินเข้ากันดีกับข้าวต้มที่หุงได้ไม่แฉะ ข้าวเป็นเม็ดเคี้ยวนุ่มปาก ส่วนน้ำซุปหอมหวานกลมกล่อม ซดแล้วชุ่มชื่นโล่งคอจริงๆ เป็นน้ำซุปกระดูกหมูที่ต้มรวมกับโครงปลาน้ำดอกไม้ ซึ่งต้มและเคี่ยวนานกว่า 6 ชั่วโมง โดยไม่ได้ปรุงรสชาติอะไรเพิ่มเลย

สมบูรณ์ มโนวงศ์กุล กับข้าวต้มปลาร้อนๆ
นอกจากข้าวต้มปลาและบะเต็งแล้ว ที่นี่ก็ยังมีเครื่องอย่างอื่นให้ใส่กับข้าวต้มอีก ไม่ว่าจะเป็น กุ้งขาวตัวโตที่มีความสดไม่แพ้เนื้อปลา หรือจะเป็นเครื่องในอย่าง กระเพาะหมู ที่ทางร้านจะนำกระเพาะหมูมาตุ๋นนานกว่า 6 ชม. จนได้กระเพาะหมูที่เปื่อยนุ่มลิ้น และยังมีเซี้ยงจี๊สดๆ ที่นำมาลวกสุก เคี้ยวหนึบหนับ สำหรับราคาข้าวต้มของที่นี่ไม่ว่าจะเลือกเครื่องเป็นอะไร ถ้าสั่งอย่างเดียวคิดราคา 30 บาท แต่ถ้าสั่งหลายๆ อย่างรวมกันแบบรวมมิตรก็คิดราคา 40 บาท ต้องบอกว่าร้านข้าวต้มปลาราชวงศ์ เป็นอีกหนึ่งร้านข้าวต้มปลารสดีที่ผู้พิสมัยข้าวต้มอร่อยไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

การเดินทางมาที่ร้าน "ข้าวต้มปลาราชวงศ์" ถ้ามาจากรร.แกรนด์ ไชน่าปริ๊นเซส ให้วิ่งมาทางถ.ราชวงศ์ ที่จะมุ่งหน้ามาท่าน้ำราชวงศ์ วิ่งตรงมาจากสี่แยกประมาณ 50 เมตร จะเห็นซอยผลิตผลทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าซอยไปนิดเดียวจะเห็นร้านข้าวต้มปลาราชวงศ์ ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ จุดสังเกตอยู่เยื้องๆ กับวัดโลกานุเคราะห์ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน เปิดจันทร์-เสาร์ เวลา 17.00-21.00 น. ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ด้วย โทร. 08-1838-2614, 08-9785-9117

ชื่อร้าน : ข้าวต้มปลาราชวงศ์

ประเภทอาหาร : ข้าวต้มปลา

เมนูจานเด่น : ข้าวต้มปลา, ข้าวต้มบะเต็ง, ข้าวต้มรวมมิตร

บรรยากาศร้าน : ริมถนน แต่ว่ามีโต๊ะให้นั่งสบายๆ

ที่ตั้ง และการเดินทาง : ถ้ามาจากรร.แกรนด์ ไชน่าปริ๊นเซส ให้วิ่งมาทางถ.ราชวงศ์ ที่จะมุ่งหน้ามาท่าน้ำราชวงศ์ วิ่งตรงมาจากสี่แยกประมาณ 50 เมตร จะเห็นซอยผลิตผลทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าซอยไปนิดเดียวจะเห็นร้านข้าวต้มปลาราชวงศ์ ตั้งอยู่ทางซ้ายมือ จุดสังเกตอยู่เยื้องๆ กับวัดโลกานุเคราะห์ มีป้ายร้านให้เห็นชัดเจน

เวลาเปิด-ปิด : เปิดจันทร์-เสาร์ เวลา 17.00-21.00 น.

เบอร์โทรศัพท์ :ทางร้านรับออกงานนอกสถานที่ด้วย โทร. 08-1838-2614, 08-9785-9117

ชิมแกงถ้วยเก่าที่ร้าน...เรือนศิลา : โดย ผู้จัดการออนไลน์: 11 กรกฎาคม 2551 11:45 น.

แกงบวน
ขณะที่ร้านอาหารต่างชาติผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดจนคนรุ่นใหม่แทบจะไม่รู้จักอาหารไทยโบราณกันแล้ว ใครอยากจะลิ้มลองอาหารไทยโบราณจริง ๆ ขอแนะนำให้ไปที่ร้านเรือนศิลาดู เพราะที่นี่ทั้งคนทำ ทั้งอาหารโบราณสุด ๆ

ปีนี้ป้าเฉลิมอยู่ในวัย 76 ปีแล้ว แต่สุขภาพยังแข็งแรงพอที่จะโขลกพริกแกงสดเพื่อมาต้มยำทำแกงถ้วยเก่า ๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษที่มาตั้งรกรากอยู่แถบบางศรีเมือง จังหวัดนนทบุรี อันเป็นเมนูหากินยากของร้านเรือนศิลาที่บรรดาเครือญาติกันเป็นเจ้าของอยู่

อาหารของร้านนี้ส่วนหนึ่งจึงเป็นสไตล์บ้าน ๆ ที่เวลาบ้านไหนมีงานบุญก็จะต้องเรียกครอบครัว “เนตรหิน”และ "เรือนศิลา” ไปช่วยทำแกงเป็นประจำ เมื่อมาทำร้านอาหารเองจึงพยายามรักษาสูตรตำรับดั้งเดิมเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่พริกแกงที่จะโขลกวันต่อวัน และจะต้องโขลกด้วยครกตามแบบโบราณจึงจะอร่อย เพราะน้ำมันหอมระเหยของหัวหอม กระเทียม ตะไคร้ ผิวมะกรูดจะออกมาส่งกลิ่นหอมอร่อย แต่ถ้าเป็นพริกแกงที่ใช้วิธีปั่นเหมือนปัจจุบันจะไม่มีกลิ่นหอมเครื่องเครื่องแกงสดเหล่านี้

แกงบวน เป็นอาหารพื้นบ้านที่มีอายุร้อยกกว่าปีแล้ว โอกาสที่จะได้กินแกงบวนนั้นต้องรอให้มีงานบุญประเพณี หรืองานแต่งงาน งานบวชเสียก่อนจึงจะระดมคนมาช่วยกันทำ เพราะวิธีทำและขั้นตอนยุ่งยากมาก เวลาแกงทีจึงต้องแกงกันหม้อใหญ่ ๆ ทีเดียว

แกงบวน ( 100 บาท) เป็นเมนูเด็ดของป้าเฉลิมที่จะทำขายเพียงเดือนละครั้งตอนปลายเดือนเท่านั้น เนื่องจากกระบวนการทำยุ่งยากมาก เริ่มจากเครื่องแกงสดและเครื่องเทศที่จะนำไปโขลกนั้นจะต้องนำมาคั่วในกระทะให้กลิ่นหอมเสียก่อนแล้วจึงนำไปโขลกหยิบกะปิเข้าไปสักก้อนเล็ก ๆ เพื่อให้กลิ่นหอมกลมกล่อม ส่วนเครื่องในหมูทั้งไส้ กระเพาะ ปอด ตับ และหมูสามชั้นจะต้องนำไปเคี่ยวให้เปื่อย จึงจะนำมาใส่ในน้ำแกงที่ต้มจากตะไคร้และใบย่านางเป็นส่วนประกอบ( บางสูตรจะมีใบมะตูม ใบขี้เหล็ก) ปรุงรสให้ออกหวานน้ำตาลปี๊บ เปรี้ยวจากส้มมะขามเปียก น้ำปลา โรยข่าอ่อน ตะไคร้ซอย พริกสด ให้กลิ่นหอมสมุนไพร หน้าตาของแกงบวนออกจะดำด้วยน้ำใบย่านาง แต่รสชาติจะหอมหวานอมเปรี้ยว ใครที่ไม่เคยลิ้มลองอาจจะรู้สึกแปลก ๆ กับแกงที่ออกรสหวานนำเสียหน่อย

แกงป่าเนื้อใบชะพลู


แกงป่าเนื้อใบชะพลู ( 80 บาท) เป็นแกงพื้นบ้านของเมืองนนท์ ที่ใช้ใบชะพลูที่กลิ่นอาจจะไม่คุ้นลิ้นของคนสมัยใหม่ แต่ได้สารอาหารสูงมาก มาหั่นเป็นฝอย ๆ ใส่เนื้อสดที่หั่นเป็นชิ้น ๆ เคล็ดลับต้องใส่กะปินิดหน่อย ปรุงรสออกจัดจ้านทั้งอร่อยและได้ประโยชน์ต่อร่างกาย

แกงคั่วหอยขม ( 80 บาท) ต้องเลือกหอยขมที่แกะเปลือกเอาแต่เนื้อล้างให้สะอาดจนหมดกลิ่นโคลน ส่วนพริกแกงคั่วก็ตำใหม่ ๆ ต้องแกะเนื้อปลาช่อนย่างโขลกลงไปด้วยเพื่อให้น้ำแกงข้น น่ากิน ก่อนเสิร์ฟก็รูดใบชะอมลงไปต้มให้สุกเล็กน้อยใบยังเขียวช่วยชูกลิ่นให้ฉุนหอม รสชาติละมุนลิ้น

น้ำพริกลงเรือ (90บาท) เป็นอีกเมนูที่ขายดีมาก เพราะครบเครื่องทั้งหมูหวาน มะอึก มะดัน มะเขือพวง ปรุงออก 3 รสกลมกล่อมทั้งหวาน-เปรี้ยว-เค็ม โรยหน้าด้วยไข่แดงเค็มปั้นเป็นลูกเล็ก ๆ และกระเทียมโทนดอง มีผักแนมทั้งขมิ้นขาว มะเขือ แตงกวา คลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมาก

ปลาช่อนเรือนศิลา (180 บาท) เป็นอีกเมนูเด็ดที่ใช้ปลาช่อนขนาดค่อนใหญ่ทอดทั้งตัวให้กรอบนอกนุ่มใน ส่วนเครื่องเคียงอุดมด้วยสมุนไพรทั้งหอมแดง ตะไคร้ ขิงอ่อน มะม่วงออกเปรี้ยว ใบมะกรูด พริกทอด คลุกกับน้ำพริกเผาที่ทำเอง เวลากินก็หยิบใบชะพลูหรือใบทองหลางมากางออก แกะเนื้อปลาช่อน ราดด้วยเครื่องเคียง ส่งใส่ปากเคี้ยวยิ่งนานกลิ่นเครื่องสมุนไพรจะหอมอวลอยู่ในปาก

ไก่บ้านตุ๋นยาจีน (200 บาท) เมนูนี้ดูราคาแล้วตกใจว่าถูกจริง ๆ เพราะใช้ไก่บ้านน้ำหนัก 7 ขีด ราคาก็เป็นร้อยแล้ว ยังมีเครื่องยาจีน รวมทั้งเห็ดหอม เห็ดหูหนูขาว ตุ๋นนานถึง 5 – 6 ชั่วโมง ให้ความหวานของเนื้อไก่ปนกับเครื่องยาจีน รสชาติจะหวานขมหอมชื่นใจ แนะนำให้ซดน้ำให้หมด เพราะประโยชน์ของอาหารตุ๋นนั้นอยู่ที่น้ำแกง ส่วนอื่น ๆ ถือเป็นกากเท่านั้น

ก่อนจะสั่งอาหารมากินอย่าลืมสั่ง ฟักทอง-ใบชะพลูชุบแป้งทอดมากินเล่นก่อน ทีเด็ดอยู่ที่การผสมแป้งทอดที่กรอบอยู่ได้นาน ยิ่งได้น้ำจิ้มน้ำพริกเผาซึ่งทางร้านตำเองรสชาติกลมกล่อมเปรี้ยว-หวาน-เผ็ด กินกันเพลินดี

อาหารโบราณและเมนูแปลก ๆ ยังมีให้เลือกชิมอีกเยอะมาก ต้องลองวะไปชิมดู แต่ถ้าใครไม่ชอบหวานก่อนสั่งต้องกำชับในครัวหน่อย เพราะอาหารร้านนี้ออกหวานเล็กน้อย

กินอาหารไทยท่ามกลางบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งแบบกึ่งบ้านกึ่งวัด มีต้นไม้ใหญ่น้อยล้อมรอบ ร้านโปร่งโล่งสบาย มีที่นั่งให้เลือกทั้งระเบียงด้านนอกที่มองเห็นดาวได้กระจ่าง หรือนั่งด้านในที่มีหลังคามิดชิดก็ได้

ร้านเรือนศิลาเปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. ตั้งอยู่ใต้สะพานพระราม 5 ริมคลองบางไผ่ ถ้ามาจากถนนราชพฤกษ์ บางใหญ่ หรือบางกรวยให้ไปกลับรถใต้สะพานพระราม 5 แล้วชิดซ้ายไม่เกิน50 เมตร ส่วนใครที่มาจากถนนติวานนท์ให้ข้ามสะพานมาก่อนแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปกลับรถใต้สะพาน สามารถจอดรถริมถนนหรือเข้าไปจอดรถแถววัดสังฆทานได้ ถ้าไปไม่ถูกโทร.02-882-7475/085-135-3524

รับสมัครพ่อครัว แม่ครัว ผู้ช่วยแม่ครัว ผู้ช่วยพ่อครัว ทำอาหารกองถ่ายทำภาพยนตร์ รับสมัครแม่บ้านประจำบริษัท


รับสมัคร แม่ครัว พ่อครัว และผู้ช่วยแม่ครัว ผู้ช่วยพ่อครัว
ทำอาหารกองถ่าย และแม่บ้านกองถ่าย

บริษัทสกายเอ็กซิทส์ ฟิล์ม โปรดักชั่น
เป็นบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ ต้องการ รับสมัคร
แม่ครัว พ่อครัว และผู้ช่วยพ่อครัว ผู้ช่วยแม่ครัว
ทำอาหารให้บริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ งานสบาย คนกองถ่ายกินง่าย
อาหารที่ทำ เป็นอาหารพื้นๆ กินง่ายๆ หลายๆคน ผัดแกงทอด แบบไทยไทย บางทีเป็นก๋วยเตี๋ยว ข้าวมันไก่ ก๋วยเตี๋ยวหลอด ข้าวผัด ห่อหมก ขนมจีน หมูตุ๋น ลาบ ส้มตำ แกงจืด แกงกระหรี แกงเขียวหวานไก่ หมูกระเทียมพริกไทย ไข่เจียว ไข่พะโล้ ต้มยำ น้ำพริกปลาทู น้ำพริกผักจิ้ม
อาหารพื้นๆ มาตรฐานแบบไทยไทย ๆลๆ ง่ายๆ สบายๆ

และรับสมัคร แม่บ้านประจำกองถ่ายทำภาพยนตร์ ดูแลทั่วไป

สนใจโทรศัพท์ ติดต่อคุณสายฝน 089 777 3806
หรือส่งมาทาง E Mail ที่ personal.skyexits@gmail.com

บริษัทอยู่แถว ลาดพร้าว 88 บางกะปิ กทม
โทร 02-9336470-9

รายละเอียดและผลงานของทางบริษัทที่

BLOG: http://skyexits-showreel.blogspot.com/
Behind BLOG 1: http://behind-skyexits.blogspot.com/
Behind BLOG 2: http://behind2-skyexits.blogspot.com/
Behind BLOG 3: http://behind3-skyexits.blogspot.com/
BLOG: http://skyexits.blogspot.com/
Home Page http://www.skyexits.com/
บริษัทอยู่แถว ลาดพร้าว 88 บางกะปิ กทม
แผนที่ของบริษัทสกายเอ็กซิทส์ จำกัด
http://skyexits.blogspot.com/2007/02/sky-exits-map.html
ติดต่อคุณสายฝน 089 777 3806


รับสมัคร แม่บ้านกองถ่าย พนักงานทำความสะอาด

SKY EXITS FILMS PRODUCTION HOUSE เป็นบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์โฆษณา ชั้นนำของเมืองไทย ต้องการรับสมัครแม่บ้าน พนักงานทำความสะอาด ดูแลทั่วไป ทำงานบริษัทถ่ายทำภาพยนตร์ กองถ่ายทำหนัง ออกกองถ่าย เสริฟน้ำ เสริฟกาแฟ ทีมงานถ่ายทำภาพยนตร์และดารา นักร้อง นางแบบ นายแบบ นักแสดง ชื่อดัง
มีประกันสังคม สวัสดิการ โบนัส

01. เพศหญิง วุฒิการศึกษาขั้นต่ำ ม.3
02.อายุไม่เกิน 30 ปี
03.สามารถปฎิบัติงาน ถ่ายทำต่างจังหวัดได้ และทำงานกองถ่ายกลางคืนได้
04.มีบุคคลรับรอง

สนใจโทรศัพท์ ติดต่อคุณสายฝน 089 777 3806
หรือส่งมาทาง E Mail ที่ personal.skyexits@gmail.com

บริษัทอยู่แถว ลาดพร้าว 88 บางกะปิ กทม
โทร 02-9336470-9

รายละเอียดและผลงานของทางบริษัทที่

BLOG: http://skyexits-showreel.blogspot.com/
Behind BLOG 1: http://behind-skyexits.blogspot.com/
Behind BLOG 2: http://behind2-skyexits.blogspot.com/
Behind BLOG 3: http://behind3-skyexits.blogspot.com/
BLOG: http://skyexits.blogspot.com/
Home Page http://www.skyexits.com/
บริษัทอยู่แถว ลาดพร้าว 88 บางกะปิ กทม

แผนที่ของบริษัทสกายเอ็กซิทส์ จำกัด
http://skyexits.blogspot.com/2007/02/sky-exits-map.html

ติดต่อคุณสายฝน 089 777 3806

ผงชูรส : จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ผงชูรส เป็นชื่อกลางที่ใช้เรียก โมโนโซเดียมกลูตาเมต (Monosodium Glutamate) วัตถุเจือปนอาหารประเภท วัตถุปรุงแต่งรสอาหารที่มีการใช้ในอาหารกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ผงชูรสมีลักษณะเป็นผงผลึกสีขาวไม่มีกลิ่น มีประโยชน์ในการเป็นสารเพิ่มรสชาติอาหาร (Flavor Enhancer) ทำให้อาหารมีรสชาติโดยรวมดีขึ้น เนื่องจากเมื่อผงชูรสหรือโมโนโซเดียมกลูตาเมตละลายน้ำ จะแตกตัวได้โซเดียมและกลูตาเมตอิสระที่มีสมบัติในการเพิ่มรสชาติอาหาร โดยช่วยเพิ่มรสชาติของรสชาติพื้นฐาน 4 รสที่เรารู้จักกันดีคือ รสหวาน รสเค็ม รสเปรี้ยว และรสขม ให้เด่นชัดมากขึ้น ในการศึกษาทางเภสัชวิทยาเกี่ยวกับรสชาติพบว่าผงชูรสสามารถกระตุ้น Glutamate Receptor แล้วทำให้เกิดรสชาติเฉพาะตัวที่เรียกว่ารสอูมามิ (Umami) ซึ่งเป็นรสที่ 5 ที่มนุษย์สามารถรับรู้ได้และมีเอกลักษณ์แตกต่างจากรสชาติพื้นฐานทั้ง 4 โมโนโซเดียมกลูตาเมตเป็นสารประกอบประเภทกลูตาเมตซึ่งเป็นเกลือของ กรดกลูตามิค (Glutamic acid) อันเป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของโปรตีนทั่วไป เช่น โปรตีนในเนื้อสัตว์ โปรตีนในนม และโปรตีนในพืช โดยกลูตาเมตจะจับอยู่กับกรดอะมิโนตัวอื่นๆ เกิดเป็นโครงสร้างของโปรตีน กลูตาเมตที่อยู่ในรูปของโปรตีนจะไม่มีกลิ่นรสและไม่มีคุณสมบัติทำให้เกิดรสอูมามิในอาหาร แต่เมื่อเกิดการย่อยสลายของโปรตีน เช่น เกิดกระบวนการหมัก การบ่ม การสุกงอมของผักและผลไม้ การทำให้สุกด้วยความร้อน จะทำให้กลูตาเมตในโปรตีนเกิด

การสลายแยกตัวออกมาเป็นกลูตาเมตอิสระ ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้เกิดรสอูมามิในอาหาร นอกจากนี้ ยังได้มีการค้นพบว่าสารที่เกิดจากการย่อยสลายไรโบนิวคลีโอไทด์ในนิวเคลียสของเซลล์สิ่งมีชีวิตซึ่งได้แก่ ไอโนซิเนต(Inosinate) และ กัวไนเลต(Guanylate)[1]ก็มีคุณสมบัติให้รสอูมามิเช่นเดียวกับกลูตาเมตอิสระ ยิ่งไปกว่านั้นยังพบว่าไอโนซิเนตและกัวไนเลตมีคุณสมบัติในการเสริมรสอูมามิให้เด่นชัดมากขึ้นเมื่อใช้ร่วมกับกลูตาเมต โดยผลการเสริมกันนี้มีลักษณะแบบ Synergistic Effect[2]

ประวัติ

ในปี ค.ศ. 1908 (พ.ศ. 2451) ศาสตราจารย์ ดร. คิคุนาเอะ อิเคดะ แห่งมหาวิทยาลัยโตเกียวอิมพีเรียล ประเทศญี่ปุ่น ได้ค้นพบว่าผลึกสีน้ำตาลที่สกัดได้จากสาหร่ายทะเลที่ชื่อว่าคอมบุ (Japonica laminaria) นั้นคือ กรดกลูตามิก และเมื่อลองชิมพบว่ามีรสใกล้เคียงกับซุปสาหร่ายทะเล ซึ่งเป็นอาหารประจำวันของชาวญี่ปุ่นที่บริโภคกันมาหลายร้อยปี เขาได้ตั้งชื่อรสชาติของกรดกลูตามิกที่สกัดได้ว่า "อูมามิ" หลังจากนั้นได้จดสิทธิบัตรการผลิตกรดกลูตามิกในปริมาณมาก ๆ เป็นที่มาของอุตสาหกรรมผงชูรสในปัจจุบัน
ผงชูรสมีการขายในเชิงพานิชย์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1909 (พ.ศ. 2452) ภายใต้ชื่อการค้าเป็นภาษาญี่ปุ่นว่า อายิโนะโมะโต๊ะ (Ajinomoto หมายถึง แก่นแท้ของรสชาติ) ในประเทศญี่ปุ่น โดยใช้วิธีการย่อยแป้งสาลีด้วยกรดเพื่อให้ได้กรดอะมิโนแล้วจึงแยกกลูตาเมตออกมาภายหลัง ผงชูรสที่ผลิตในเชิงพาณิชย์ในสมัยใหม่ผลิตขึ้นโดยการหมักด้วยจุลินทรีย์ในกลุ่ม Corynebacterium ในประเทศไทยใช้แป้งมันสำปะหลังและกากน้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลัก ตลาดผงชูรสโลกมีขนาด 1.5 ล้านต้น ในปี พ.ศ. 2544 และคาดว่ามีการเติบโตในอัตราปีละ 4% ในเชิงพานิชย์มีการใช้ผงชูรสเป็นวัตถุปรุงแต่งรสอาหาร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มวัตถุเจือปนอาหาร ที่สำนักคณะกรรมการอาหารและยา อนุญาตให้ใช้ได้ในอาหารที่บริโภคโดยคนทั่วไป และพบได้ในอาหารว่างประเภทขนมขบเคี้ยว อาหารแช่แข็ง และอาหารปรุงสำเร็จ เช่น เครื่องปรุงรสสำหรับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น ในภาษาจีน เรียกผงชูรสว่า เว่ยจิง

การผลิตผงชูรส

จากการค้นพบคุณสมบัติในการทำให้เกิดรสอูมามิของกลูตาเมตอิสระนี้เอง จึงได้มีวิวัฒนาการเทคโนโลยีการผลิตโมโนโซเดียมกลูตาเมตในระดับอุตสาหกรรม เพื่อนำไปใช้ในการปรุงประกอบอาหารประเภทต่างๆให้มีรสชาติอร่อยตามที่ผู้บริโภคต้องการ ซึ่งในปัจจุบันผลิตโดยการหมักเชื้อจุลินทรีย์ การใช้เชื้อจุลินทรีย์ในการผลิตกรดกลูตามิคนั้น มีหลักการทั่วไปเช่นเดียวกับการนำเชื้อจุลินทรีย์มาใช้ในการผลิตอาหารและยา เช่น น้ำส้มสายชู ซีอิ้ว น้ำปลา เบียร์ ไวน์ ยาปฏิชีวนะ เป็นต้น กล่าวคือนำจุลินทรีย์มาเลี้ยงในอาหารเลี้ยงเชื้อซึ่งประกอบด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการผลิตสารชีวภาพ ได้แก่ อาหารที่เป็นแหล่งคาร์บอน (เช่น แป้ง กากน้ำตาลจากอ้อย กากน้ำตาลจากบีท น้ำตาลกลูโคส น้ำตาลทรายหรือน้ำตาลซูโครส) แหล่งไนโตรเจน (เช่น เกลือแอมโมเนียม ยูเรีย เกลือไนเตรต soybean meal) เกลือแร่ (เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม) และวิตามิน (เช่น biotin)
กระบวนการเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคส (Liquefaction and Saccharification): แป้งมันสำปะหลัง (Tapioca starch) ใช้เอนไซม์อะมัยเลส และอะมัยโลกลูโคลซิเดส ย่อยแป้งเป็นน้ำตาลกลูโคส ที่ 60 องศาเซลเซียส
กระบวนการหมักเปลี่ยนน้ำตาลกลูโคสเป็นกรดกลูตามิก (Fermentation): เติมเชื้อจุลินทรีย์ (Corynebacterium glutanicum ปัจจุบันเป็น Brevibacterium lactofermentum) ] ลงในสารละลายน้ำตาลกลูโคส (Glucose solution) เพื่อเปลี่ยนกลูโคสเป็นกรดกลูตามิก โดยมีการเติมกรดหรือด่างเพื่อ pH ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโต และเติมยูเรีย (Urea) หรือ แอมโมเนีย (NH4) เพื่อเป็นแหล่งไนโตรเจนของเชื้อจุลินทรีย์
กระบวนการตกผลึกกรดกลูตามิก (Precipitation): เมื่อกระบวนการหมักเสร็จสสิ้น ในน้ำหมัก (Broth)จะมีสารละลายกรดกลูตามิกอยู่เป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นจะปรับ pH ด้วยกรดไฮโดรคลอริก (HCl) เพื่อให้กรดกลูตามิกตกผลึกเบื้องต้น
กระบวนการทำให้เป็นกลาง (Neutralization): โดยการเติม โซเดียมไฮดรอกไซด์ (NaOH) เพื่อให้กรดกลูตามิกเป็นโมโนโซเดียมกลูตาเมต (ผงชูรส) ที่สภาวะเป็นกลาง
กระบวนการกำจัดสีและสิ่งเจื่อปน (Decolorization): โดยการผ่านสารละลายไปในถังถ่านกัมมันต์ (Activated Carbon) และตกผลึก (Crystalization)ได้ผลึกโมโนโซเดียมบริสุทธิ์
กระบวนการทำแห้งและแบ่งบรรจุ (Drying and Packing): เป่าผลึกโมโนโซเดียมบริสุทธิ์ด้วยลมร้อน(ที่กรอกละอองฝุ่นออกแล้ว) จนกระทั่งผลึกแห้ง แล้วคัดแยกขนาด ตามจุดประสงค์การใช้งานแล้วแบ่งบรรจุ ลงในบรรุภัณฑ์ตามมาตรฐาน

การประเมินความความปลอดภัยของผงชูรส

เนื่องจากผงชูรสถูกจัดเป็นวัตถุเจือปนอาหารชนิดหนึ่ง จึงต้องมีการประเมินความปลอดภัยจากองค์กรวิชาการระหว่างประเทศ โดยในปี พ.ศ. 2530 คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญว่าด้วยวัตถุเจือปนอาหารขององค์การอาหารและเกษตร และ องค์การอนามัยโลก แห่งสหประชาชาติ หรือที่มีชื่อย่อว่า JECFA ได้รับการร้องขอจาก CODEX ALIMENTARIUS[3][4] ให้ทำรวบรวมงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผงชูรสมาศึกษา ทบทวน และประเมินความปลอดภัย โดย JECFA ให้ความเห็นว่า ผงชูรสเป็นวัตถุเจือปนอาหารที่มีพิษต่ำ (หรือความปลอดภัยสูง) จึงไม่จำเป็นต้องกำหนดปริมาณบริโภคต่อวัน (ADI Not Specified)[5] ซึ่งเป็นการจัดลำดับความปลอดภัยที่ดีที่สุด เนื่องจากระดับที่คาดว่าอาจจะเกิดผลกระทบต่อสุขภาพ สูงกว่าระดับที่บริโภคกันโดยทั่วไปหลายเท่า (โดยทั่วไป ADI จะกำหนดไว้ต่ำกว่าระดับที่อาจจะไม่ปลอดภัยอยู่ที่ 100 เท่า ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า หากเราบริโภควัตถุเจือปนอาหารชนิดนั้นๆไม่เกิน ADI, mg/day เราจะไม่เจ็บป่วยไม่ว่ากรณีใดๆอันเนื่องมาจากการบริโภควัตถุเจือปนอาหารชนิดนั้นๆ ตลอดช่วงอายุขัยของเรา) แต่อย่างไรก็ตาม JECFA ได้ให้ข้อคิดเห็นว่าควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพียงพอที่จะให้ผลตามวัตถุประสงค์ นอกจากนี้ข้อมูลทางเภสัชวิทยาพบว่าสมองมีกลไกในการควบคุมระดับกลูตาเมตที่ดีมากรวมทั้งปริมาณกลูตาเมตในกระแสเลือดไม่ได้เพิ่มขึ้นมากภายหลังจากรับประทานอาหารที่มีผงชูรสหรือกลูตาเมต เนื่องจากกลูตาเมตส่วนใหญ่ถูกเมตาบอลิสมภายในเซลล์เยื่อบุทางเดินอาหาร กลูตาเมตส่วนเกินและถูกขับออกจากร่างกายโดยไม่มีทำให้เกิดการสะสมของกลูตาเมตในกระแสเลือด[6][7][8]
ในประเทศไทยสมาคมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหารแห่งประเทศไทย หรือเรียกสั้นๆ ว่า FoSTAT ได้รวบรวมบทความจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ เภสัชวิทยา โภชนการ พิษวิทยา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางอาหาร และผู้เชี่ยวชาญด้านคุ้มครองผู้บริโภค ซึ่งได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับทั้งประโยชน์และโทษของผงชูรสจากแหล่งข้อมูลที่มีความน่าเชื่อถือและเป็นวิทยาศาสตร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องตามหลักฐานทางวิชาการเกี่ยวกับผงชูรสในหลายมุมมอง จึงเป็นที่มาของหนังสือ "การทบทวนความปลอดภัยอาหาร โมโนโซเดียมกลูตาเมต" ซึ่งสามารถ download ได้ทั้งเล่มจาก website ของสมาคมฯ ที่ http://www.fostat.org/
ปัจจุบันผงชูรสเป็นหนึ่งในวัตถุเจือปนอาหารที่ได้มีการควบคุมการใช้ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่องวัตถุเจือปนอาหาร (ฉบับที่ 281) พ.ศ. 2547 โดยมีหน่วยงานควบคุมคือสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา[9]

ประโยชน์ของผงชูรส
ผงชูรสมีประโยชน์ทำให้อาหารมีรสชาติโดยรวมดีขึ้น โดยอาหารที่นำมาปรุงนั้นต้องเป็นอาหารที่สดด้วยจึงจะได้รสชาติที่ดี โดยธรรมชาติแล้วผงชูรสจะใช้ได้ดีมากกับอาหารที่มีรสเค็มหรือเปรี้ยว การใช้ผงชูรสในอาหารต้องใส่ในปริมาณที่เหมาะสม ประมาณร้อยละ 0.1 - 0.8 โดยน้ำหนัก เช่น อาหารหนัก 500 g หากเติมผงชูรสประมาณ 0.5 - 4 g หรือประมาณ 1 ช้อนชา ก็เพียงพอจะให้รสอูมามิในอาหาร การใส่มากเกินไปจะทำให้รสชาติอาหารโดยรวมแย่ลง และมีรสชาติที่ผิดแปลกไปซึ่งผู้บริโภคจะสามารถรับรสที่ผิดแปลกนี้ได้ทันที ซึ่งเรียกว่า Self Limiting อันเป็นลักษณะเช่นเดียวกับ เกลือแกง ที่ให้รสเค็ม และน้ำส้มสายชู ที่ให้รสเปรี้ยวก็จะต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นอาหารที่เติมผงชูรสในปริมาณที่พอเหมาะจะช่วยให้ลดปริมาณการเติมเกลือแกงในอาหารลงได้โดยที่ยังคงความอร่อยของอาหารอยู่ ทำให้ผู้บริโภคที่มีความจำเป็นต้องจำกัดปริมาณโซเดียมในอาหาร เช่น คนชรา สามารถบริโภคอาหารได้มากขึ้นและได้รับปริมาณโซเดียมน้อยลงอันเป็นผลดีต่อสุขภาพกายและใจ

ผงชูรสกับกลุ่มอาการภัตตาคารจีน
ในปี ค.ศ. 1968 มีรายงานในวารสาร New England Journal of Medicine บรรยายถึงกลุ่มอาการที่เกิดหลังจากรับประทานอาหารจีน 15-30 นาทีหรืออาจช้าถึง 2 ชั่วโมง แต่หายไปเองโดยไม่มีผลระยะยาวตามมา อาการเหล่านี้ได้แก่ "ชาตามต้นคอ แล้วค่อยๆลามมาที่แขนสองข้าง หลัง และมีอาการอ่อนเพลีย ใจสั่น" ซึ่งภายหลังเรียกกลุ่มอาการนี้ว่า กลุ่มอาการภัตตาคารจีน (Chinese Restaurant Syndrome; CRS)[10]
การประเมินของ JECFA (พ.ศ. 2530): ในการทดลองที่วางแผนอย่างดีและการใช้เทคนิด controlled double-blind crossover พบว่าไม่มีความสัมพันธุ์ระหว่างกลุ่มอาการภัตตาคารจีนและการบริโภคผงชูรสแม้ในผู้ที่เข้าร่วมการทดลองซึ่งอ้างว่าตนเคยมีอาการดังกล่าว ส่วนรายการจากการสำรวจ ที่พบว่ามีอาการเหล่านั้น เกิดจากการออกแบบการทดลองและใช้แบบสอบถามที่ไม่เหมาะสม[11]
รายงาน FASEB (พ.ศ. 2538): รายงานของ FASEB ต่อสำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีหลักฐานที่ทำให้เชื่อได้ว่ามีผู้บริโภคกลุ่มหนึ่งมีอาการแพ้ผงชูรสด้วยอาการอย่างใดอย่างหนึ่งราว 1 ชั่วโมงหลังจากบริโภค 3 กรัมโดยไม่มีอาหาร อย่างไรก็ตามการทดลองดังกล่าวให้ผู้ทดสอบรับประทานผงชูรสที่อยู่ในรูปแค๊ปซูลหรือสารละลาย ซึ่งไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับการบริโภคผงชูกับพร้อมอาหารได้[12]
รายงาน ANSFA: รายงานเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2545 พบว่ามีประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ของประชาการมีอาการผิดปกติหลังรับประทานอาหาร แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าความผิดปกติดังกล่าวนั้น มีสาเหตุมาจากผงชูรส เพราะว่าในการทดลองไม่ได้บอกถึงปริมาณของผงชูรสที่ใช้อย่างไรก็ตามรายงานนี้ยืนยันได้กว่าคนที่มีอาการแพ้ผงชูรสนั้นมีไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์[13]
งานวิจัยล่าสุด: อาการทั้งหมดที่เกี่ยวกับกลุ่มอาการภัตตาคารจีนเป็นรายงานที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ อาจจะเกิดขึ้นโดยคิดนึกขึ้นเองในใจของผู้ที่คิดว่าตนเองแพ้ผงชูรสอีกทั้งอาการผิดปกติต่างๆ ทางสรีรศาสตร์ เช่น ความดันโลหิต และ การเต้นของหัวใจ ก็ไม่เคยมีการรายงานมาตั้งแต่ต้น การทดลองทางวิทยาศาสตร์ที่มีการวางแผนอย่างดีหลายต่อหลายชิ้นไม่พบความเกี่ยวข้องระหว่างการบริโภคผงชูรสกับผลเสีย และจากการทดลองล่าสุดที่ใช้เทคนิด double-blind crossover พบว่าการบริโภคผงชูรสที่อยู่ในอาหารไม่ก่อให้เกิดการแพ้ใดๆ
งานวิจัยของไทย: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข (พ.ศ. 2526) (ดร.ภักดี โพธิศิริ, ยุพิน ลาวัณย์ประเสริฐ, ศ.นพ.วิชัย ตันไพจิตร และ ผศ.ดร.ทรงศักดิ์ ศรีอนุชาต)[14][15][16] รายงานในการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเกิดการตอบรับต่อกลุ่มอาการ “ภัตตาคารจีน” กับการบริโภคโมโซเดียมกลูตาเมต พบว่าในกลุ่มตัวอย่างคนไทยมีไม่ถึง 1% มีเกิดอาการดังกล่าว หลังจากรับประทานอาหารที่มีผงชูรส
จากอดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีการศึกษาวิจัยทางวิชาการใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าการบริโภคผงชูรสในอาหารจะมีผลต่อทางชีวเคมี หรือทางจุลกายวิภาค เช่นการเกิดกลุ่มอาการภัตตาคารจีน อย่างไรก็ตามการรับประทานผงชูรสในจำนวนที่มากเกินไปอาจจะทำให้เกิดการทนต่อสารอาหารไม่ได้ (food intolerance)ซึ่งเป็นอาการที่ไม่เกี่ยวข้องกับปฏิกิริยาทางระบบภูมิคุ้มกันแต่อย่างใด จึงแตกต่างจากการแพ้ (allergy) แม้ว่าจะมีอาการคล้ายคลึงกัน และมักเกิดจากหลายสาเหตุซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าเกิดมาได้อย่างไร

ผงชูรสกับสังคม
แม้ว่าผงชูรสถูกจัดเป็นวัตถุเจือปนอาหารที่มีความปลอดภัยสูง แต่เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่หรือแม้กระทั่งแพทย์ไม่ทราบข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกต้อง และด้วยเหตุที่ผงชูรสผลิตในระดับอุตสาหกรรม จึงทำให้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสิ่งอันตราย ที่ควรหลีกเลี่ยงในการบริโภค โดยเฉพาะในสังคมไทยที่เกิดข่าวลือต่างๆที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และไม่เป็นความจริง เช่น การกล่าวหาว่าการบริโภคผงชูรสเป็นสาเหตุของ ผมร่วง ตาบอด เป็นหมัน เนื้องอกในสมอง มะเร็ง เป็นพิษต่อเด็กทารกและสตรีมีครรภ์ หรือแม้กระทั่งโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง(AIDS) ทำให้สาธารณชนเกิดความเข้าใจผิดต่อผงชูรส จึงมีการศึกษาทั้งประโยชน์และโทษกันมากและนับว่าเป็นวัตถุเจือปนอาหารที่มีการศึกษามากที่สุดชนิดหนึ่ง แต่หลังจากที่มีงานวิจัยเกี่ยวกับผงชูรสในแง่มุมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความปลอดภัย ที่ CODEX ให้ JECFA ทำการประเมินถึง 2 ครั้ง (ค.ศ. 1987 ครั้งล่าสุด) นอกจากนั้น USFDA ยังให้ FASEB ทำการประเมินเมื่อปี ค.ศ. 1995 และการประเมินของ ANZFA เมื่อปี 2003 ต่างยืนยันตรงกันถึงความปลอดภัยของผงชูรส ทำให้ผงชูรสได้รับการอนุญาตให้จำหน่ายได้ในเกือบทุกประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา กลุ่มประชาคมยุโรป ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น รวมทั้งประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน มาจนถึงปัจจุบัน

อ้างอิง
^ Yamguchi S, Ninomiya K. What is umami. In: Teranishi R, Hornstein I, Engel K-H, eds. Food Reviews International. Vol. 14 (2&3). New York: Marcel Dekker; 1998. p. 123-38.
^ Kuninaka A. The Nucleotides, a Rationale of Research on Flavor Potentiation. Symposium on Flavor Potentiation, Arthur D. Little: MA: Cambridge; 1964. p. 4-9.
^ Understanding The Codex Alimentarius. Revised and Updated, World Health Organization and Food and Agriculture Organization of the United Nations, Rome: 2005.
^ Joint FAO/WHO Food Standards Programme, Codex Alimentrius Commission. Procedural Manual. 15th ed. Rome:2005.
^ WHO Food Additive Series No. 22. Toxicological evaluation of certain food additives. Cambridge University Press; 1988
^ Stegink LD, Reynolds WA, Filer LJ Jr, Baker GL, Daabees TT, Pitkin RM. Comparative metabolism of glutamate in the mouse, monkey, and man. In: Filer LJ Jr, Garattini S, Kare MR, Reynolds WA, Wurtman RJ, eds. Glutamate acid: advances in biochemietry and physiology. New York: Raven Press: 1979. p. 85-102.
^ Stegink LD, Filer LJ Jr, Baker GL. Plasma glutamate concentrations in adult subjects ingesting monosodium L-glutamate in consomme. Am J Clin Nutr 1985;42:220-5.
^ Oûhara Y, Iwata S, Ichimura M. Sasaoka M. Effect of administration routes of monosodium glutamate on plasma glutamate levels in infant, weanling and adult mice. J Toxicol Sci 1977;2:281-90.
^ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 281) พ.ศ. 2547 เรื่องวัตถุเจือปนอาหาร สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข พ.ศ. 2547
^ Kwok RH M. Chinese restaurant syndrome. N Engl J Med 1968;278-96.
^ WHO Food Additives Series No. 5 (1974). Toxicological evaluation of some food additives including anticaking agents, antimicrobials, antioxidants, emulsifiers and thickening agents. World Health Organization, Geneva.
^ Raiten DJ, Talbot JM, Fisher KD. Executive summary from the report: Analysis of adverse reactions to monosodium glutamate (MSG). J Nutr 1995;125:2891S- 906S.
^ Technical Report Series No. 20 (2003). Monosodium Glutamate, A Safety Assessment. Food Standards Australia New Zealand. Canberra, Australia and Wellington, New Zealand.
^ Tanphaichitr V, Srianujata S, Pothisiri P, Sammasut R, Kulapongse S. Postprandial responses to Thai foods with and without added monosodium L-glutamate. Nutr Rep Int 1983;28:783-92.
^ Tanphaichitr V, Srianujata S, Leelahagul P, Kulapongse S, Patchjamisiri S, Pothisiri P. Effect of monosodium L-glutamate intake on protein-calorie status in healthy Thai adults. Nutr Rep Int 1985;32:1073-80.
^ Tanphaichitr V, Leelahagul P, Suwan K. plasma amino acid patterns and visceral protein status in users and nonusers of monosodium glutamate. J Nutr 2000(suppl); 130:1005s-6s.


เนื้อหา[ซ่อน]
1 ประวัติ
2 การผลิตผงชูรส
3 การประเมินความความปลอดภัยของผงชูรส
4 ประโยชน์ของผงชูรส
5 ผงชูรสกับกลุ่มอาการภัตตาคารจีน
6 ผงชูรสกับสังคม
7 อ้างอิง