Monday 15 September 2008

ชิมแกงถ้วยเก่าที่ร้าน...เรือนศิลา : โดย ผู้จัดการออนไลน์: 11 กรกฎาคม 2551 11:45 น.

แกงบวน
ขณะที่ร้านอาหารต่างชาติผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดจนคนรุ่นใหม่แทบจะไม่รู้จักอาหารไทยโบราณกันแล้ว ใครอยากจะลิ้มลองอาหารไทยโบราณจริง ๆ ขอแนะนำให้ไปที่ร้านเรือนศิลาดู เพราะที่นี่ทั้งคนทำ ทั้งอาหารโบราณสุด ๆ

ปีนี้ป้าเฉลิมอยู่ในวัย 76 ปีแล้ว แต่สุขภาพยังแข็งแรงพอที่จะโขลกพริกแกงสดเพื่อมาต้มยำทำแกงถ้วยเก่า ๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษที่มาตั้งรกรากอยู่แถบบางศรีเมือง จังหวัดนนทบุรี อันเป็นเมนูหากินยากของร้านเรือนศิลาที่บรรดาเครือญาติกันเป็นเจ้าของอยู่

อาหารของร้านนี้ส่วนหนึ่งจึงเป็นสไตล์บ้าน ๆ ที่เวลาบ้านไหนมีงานบุญก็จะต้องเรียกครอบครัว “เนตรหิน”และ "เรือนศิลา” ไปช่วยทำแกงเป็นประจำ เมื่อมาทำร้านอาหารเองจึงพยายามรักษาสูตรตำรับดั้งเดิมเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง ตั้งแต่พริกแกงที่จะโขลกวันต่อวัน และจะต้องโขลกด้วยครกตามแบบโบราณจึงจะอร่อย เพราะน้ำมันหอมระเหยของหัวหอม กระเทียม ตะไคร้ ผิวมะกรูดจะออกมาส่งกลิ่นหอมอร่อย แต่ถ้าเป็นพริกแกงที่ใช้วิธีปั่นเหมือนปัจจุบันจะไม่มีกลิ่นหอมเครื่องเครื่องแกงสดเหล่านี้

แกงบวน เป็นอาหารพื้นบ้านที่มีอายุร้อยกกว่าปีแล้ว โอกาสที่จะได้กินแกงบวนนั้นต้องรอให้มีงานบุญประเพณี หรืองานแต่งงาน งานบวชเสียก่อนจึงจะระดมคนมาช่วยกันทำ เพราะวิธีทำและขั้นตอนยุ่งยากมาก เวลาแกงทีจึงต้องแกงกันหม้อใหญ่ ๆ ทีเดียว

แกงบวน ( 100 บาท) เป็นเมนูเด็ดของป้าเฉลิมที่จะทำขายเพียงเดือนละครั้งตอนปลายเดือนเท่านั้น เนื่องจากกระบวนการทำยุ่งยากมาก เริ่มจากเครื่องแกงสดและเครื่องเทศที่จะนำไปโขลกนั้นจะต้องนำมาคั่วในกระทะให้กลิ่นหอมเสียก่อนแล้วจึงนำไปโขลกหยิบกะปิเข้าไปสักก้อนเล็ก ๆ เพื่อให้กลิ่นหอมกลมกล่อม ส่วนเครื่องในหมูทั้งไส้ กระเพาะ ปอด ตับ และหมูสามชั้นจะต้องนำไปเคี่ยวให้เปื่อย จึงจะนำมาใส่ในน้ำแกงที่ต้มจากตะไคร้และใบย่านางเป็นส่วนประกอบ( บางสูตรจะมีใบมะตูม ใบขี้เหล็ก) ปรุงรสให้ออกหวานน้ำตาลปี๊บ เปรี้ยวจากส้มมะขามเปียก น้ำปลา โรยข่าอ่อน ตะไคร้ซอย พริกสด ให้กลิ่นหอมสมุนไพร หน้าตาของแกงบวนออกจะดำด้วยน้ำใบย่านาง แต่รสชาติจะหอมหวานอมเปรี้ยว ใครที่ไม่เคยลิ้มลองอาจจะรู้สึกแปลก ๆ กับแกงที่ออกรสหวานนำเสียหน่อย

แกงป่าเนื้อใบชะพลู


แกงป่าเนื้อใบชะพลู ( 80 บาท) เป็นแกงพื้นบ้านของเมืองนนท์ ที่ใช้ใบชะพลูที่กลิ่นอาจจะไม่คุ้นลิ้นของคนสมัยใหม่ แต่ได้สารอาหารสูงมาก มาหั่นเป็นฝอย ๆ ใส่เนื้อสดที่หั่นเป็นชิ้น ๆ เคล็ดลับต้องใส่กะปินิดหน่อย ปรุงรสออกจัดจ้านทั้งอร่อยและได้ประโยชน์ต่อร่างกาย

แกงคั่วหอยขม ( 80 บาท) ต้องเลือกหอยขมที่แกะเปลือกเอาแต่เนื้อล้างให้สะอาดจนหมดกลิ่นโคลน ส่วนพริกแกงคั่วก็ตำใหม่ ๆ ต้องแกะเนื้อปลาช่อนย่างโขลกลงไปด้วยเพื่อให้น้ำแกงข้น น่ากิน ก่อนเสิร์ฟก็รูดใบชะอมลงไปต้มให้สุกเล็กน้อยใบยังเขียวช่วยชูกลิ่นให้ฉุนหอม รสชาติละมุนลิ้น

น้ำพริกลงเรือ (90บาท) เป็นอีกเมนูที่ขายดีมาก เพราะครบเครื่องทั้งหมูหวาน มะอึก มะดัน มะเขือพวง ปรุงออก 3 รสกลมกล่อมทั้งหวาน-เปรี้ยว-เค็ม โรยหน้าด้วยไข่แดงเค็มปั้นเป็นลูกเล็ก ๆ และกระเทียมโทนดอง มีผักแนมทั้งขมิ้นขาว มะเขือ แตงกวา คลุกกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยมาก

ปลาช่อนเรือนศิลา (180 บาท) เป็นอีกเมนูเด็ดที่ใช้ปลาช่อนขนาดค่อนใหญ่ทอดทั้งตัวให้กรอบนอกนุ่มใน ส่วนเครื่องเคียงอุดมด้วยสมุนไพรทั้งหอมแดง ตะไคร้ ขิงอ่อน มะม่วงออกเปรี้ยว ใบมะกรูด พริกทอด คลุกกับน้ำพริกเผาที่ทำเอง เวลากินก็หยิบใบชะพลูหรือใบทองหลางมากางออก แกะเนื้อปลาช่อน ราดด้วยเครื่องเคียง ส่งใส่ปากเคี้ยวยิ่งนานกลิ่นเครื่องสมุนไพรจะหอมอวลอยู่ในปาก

ไก่บ้านตุ๋นยาจีน (200 บาท) เมนูนี้ดูราคาแล้วตกใจว่าถูกจริง ๆ เพราะใช้ไก่บ้านน้ำหนัก 7 ขีด ราคาก็เป็นร้อยแล้ว ยังมีเครื่องยาจีน รวมทั้งเห็ดหอม เห็ดหูหนูขาว ตุ๋นนานถึง 5 – 6 ชั่วโมง ให้ความหวานของเนื้อไก่ปนกับเครื่องยาจีน รสชาติจะหวานขมหอมชื่นใจ แนะนำให้ซดน้ำให้หมด เพราะประโยชน์ของอาหารตุ๋นนั้นอยู่ที่น้ำแกง ส่วนอื่น ๆ ถือเป็นกากเท่านั้น

ก่อนจะสั่งอาหารมากินอย่าลืมสั่ง ฟักทอง-ใบชะพลูชุบแป้งทอดมากินเล่นก่อน ทีเด็ดอยู่ที่การผสมแป้งทอดที่กรอบอยู่ได้นาน ยิ่งได้น้ำจิ้มน้ำพริกเผาซึ่งทางร้านตำเองรสชาติกลมกล่อมเปรี้ยว-หวาน-เผ็ด กินกันเพลินดี

อาหารโบราณและเมนูแปลก ๆ ยังมีให้เลือกชิมอีกเยอะมาก ต้องลองวะไปชิมดู แต่ถ้าใครไม่ชอบหวานก่อนสั่งต้องกำชับในครัวหน่อย เพราะอาหารร้านนี้ออกหวานเล็กน้อย

กินอาหารไทยท่ามกลางบรรยากาศของร้านที่ตกแต่งแบบกึ่งบ้านกึ่งวัด มีต้นไม้ใหญ่น้อยล้อมรอบ ร้านโปร่งโล่งสบาย มีที่นั่งให้เลือกทั้งระเบียงด้านนอกที่มองเห็นดาวได้กระจ่าง หรือนั่งด้านในที่มีหลังคามิดชิดก็ได้

ร้านเรือนศิลาเปิดให้บริการทุกวันไม่มีวันหยุด ตั้งแต่เวลา 10.00 – 22.00 น. ตั้งอยู่ใต้สะพานพระราม 5 ริมคลองบางไผ่ ถ้ามาจากถนนราชพฤกษ์ บางใหญ่ หรือบางกรวยให้ไปกลับรถใต้สะพานพระราม 5 แล้วชิดซ้ายไม่เกิน50 เมตร ส่วนใครที่มาจากถนนติวานนท์ให้ข้ามสะพานมาก่อนแล้วเลี้ยวขวาเข้าไปกลับรถใต้สะพาน สามารถจอดรถริมถนนหรือเข้าไปจอดรถแถววัดสังฆทานได้ ถ้าไปไม่ถูกโทร.02-882-7475/085-135-3524

No comments: